เปิด 23 เขื่อนขนาดใหญ่ทั่วไทย ปริมาณน้ำใกล้เต็ม-เกินความจุ 10 พ.ย.68 ด้าน “เขื่อนเจ้าพระยา” เพิ่มการระบายน้ำเป็น 2,900 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูง

วันนี้ (10 พ.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมด้านตะวันตกของภาคเหนือและประเทศเมียนมา ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนเกษตรกรควรป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรสำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “ฟงวอง”(Fung-wong) บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นไปทางทะเลจีนใต้ตอนบนและช่องแคบไต้หวัน ในช่วงวันที่ 12-13 พ.ย. 68 โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าประเทศไทย

ขณะที่ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำล่าสุด 9 พ.ย.68 ปริมาตรน้ำในอ่างฯ อยู่ที่ 68,880 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 90% สามารถรับน้ำได้อีก 7,671 ล้าน ลบ.ม.

...

ข้อมูล 10 พ.ย. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด 35 แห่ง พบมี 24 แห่ง มีปริมาณน้ำเกิน 81% ดังนี้

ปริมาณน้ำเกิน 100%

1. เขื่อนกิ่วคอหมา (115.3%) อ.เมือง จ.ลำปาง 
ปริมาณน้ำ 196.01 จากความจุ 170 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 189.81 ล้าน ลบ.ม.

2. เขื่อนแม่มอก (104.96%) อ.เถิน จ.ลำปาง 
ปริมาณน้ำ 115.46 จากความจุ 110 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 99.56 ล้าน ลบ.ม.

3. เขื่อนหนองปลาไหล (103.94%) อ.ปลวกแดง จ.ระยอง 
ปริมาณน้ำ 170.2 จาก 163.75 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 156.7 ล้าน ลบ.ม.

4. เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล (102.46%) อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 
ปริมาณน้ำ 271.51 จากความจุ 265 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 259.51 ล้าน ลบ.ม.

5. เขื่อนนฤบดินทรจินดา (100.09%) อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี 
ปริมาณน้ำ 295.27 จาก 295 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 281.02 ล้าน ลบ.ม.

6. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน (101%) อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก 
ปริมาณน้ำ 948.69 จาก 939 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 905.69 ล้าน ลบ.ม.

ปริมาณน้ำ 81-100%

7. เขื่อนประแสร์ (99.65%) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง
ปริมาณน้ำ 293.97 จาก 295 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 273.97 ล้าน ลบ.ม.

8. เขื่อนภูมิพล (98.94%) อ.สามเงา จ.ตาก 
ปริมาณน้ำ 13,319.01 จาก 13,462 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 9,519.01 ล้าน ลบ.ม.

9. เขื่อนบางพระ (98.86%) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 
ปริมาณน้ำ 115.67 จาก 117 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 103.61 ล้าน ลบ.ม.

10. เขื่อนจุฬาภรณ์ (98.84%) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
ปริมาณน้ำ 162.09 จาก 164 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 125.09 ล้าน ลบ.ม.

11. เขื่อนขุนด่านปราการชล (98.41%) อ.เมือง จ.นครนายก
ปริมาณน้ำ 220.44 จาก 224 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 215.92 ล้าน ลบ.ม.

12. เขื่อนสิริกิติ์ (97.57%) อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์
ปริมาณน้ำ 9,278.80 จาก 9,510 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 6,428.8 ล้าน ลบ.ม.

13. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ (96.90%) อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 
ปริมาณน้ำ 930.25 จากความจุ 960 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 927.25 ล้าน ลบ.ม.

14. เขื่อนห้วยหลวง (96.13%) อ.เมือง จ.อุดรธานี
ปริมาณน้ำ 130.33 จาก 135.57 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 123.74 ล้าน ลบ.ม.

15. เขื่อนลำปาว (94.99%) อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
ปริมาณน้ำ 1,880.86 จาก 1,980 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 1,780.86 ล้าน ลบ.ม.

16. เขื่อนแม่กวงอุดมธารา (94.09) อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
ปริมาณน้ำ 247.46 จาก 263 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 233.46 ล้าน ลบ.ม.

17. เขื่อนสิรินธร (93.29%) อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
ปริมาณน้ำ 1,834.05 จาก 1,966 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 1,002.67 ล้าน ลบ.ม.

18. เขื่อนทับเสลา (93.26%) อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี
ปริมาณน้ำ 132.22 จาก 160 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 132.22 ล้าน ลบ.ม.

19. เขื่อนอุบลรัตน์ (93.02%) อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
ปริมาณน้ำ 2,261.24 จาก 2,431 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 1,680.24 ล้าน ลบ.ม.

...

20. เขื่อนกิ่วลม (92.51%) อ.เมือง จ.ลำปาง 
ปริมาณน้ำ 98.26 จาก 106.22 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 94.71 ล้าน ลบ.ม.

21. เขื่อนน้ำอูน (92.43%) อ.พังโคน จ.สกลนคร
ปริมาณน้ำ 480.63 จาก 520 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 435.63 ล้าน ลบ.ม.

22. เขื่อนวชิราลงกรณ์ (90.90%) อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ปริมาณน้ำ 8,053.98 จาก 8,860 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 5,041.98 ล้าน ลบ.ม.

23. เขื่อนศรีนครินทร์ (88.66%) อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
ปริมาณน้ำ 15,732.08 จาก 17,745 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 5,467.08 ล้าน ลบ.ม. 

เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม

วันที่ 10 พ.ย. 2568 เวลา 13.18 น. เขื่อนเจ้าพระยา ประกาศเพิ่มการระบายน้ำจาก 2,800 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 2,900 ลบ.ม./วินาที ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เวลา 02.00 น. (ชั่วโมงละ 10 ลบ.ม./วินาที โดยประมาณ) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง 

...

เขื่อนเจ้าพระยาทำการหน่วงน้ำไว้เหนือเขื่อน ทำให้พื้นที่เหนือเขื่อนอย่าง ต.ศิลาดาน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ได้รับผลกระทบเป็นรอบที่ 4 ติดต่อกันในเวลาไม่ถึง 2 เดือน ชาวบ้านต้องอพยพมาอยู่ริมถนนบ้าง ย้ายขึ้นไปชั้น 2 บ้าง เพราะบ้านที่อยู่ติดริมแม่น้ำทั้งหมดเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูง เมตรกว่าเป็นต้นไป ส่วนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือพืชผลของเกษตรกร ทั้ง กล้วย ถั่ว ข้าวโพด ส้มโอ ได้รับผลกระทบร่วม 100 ไร่ หากท่วมนานไปกว่านี้จะทำให้ต้นส้มโอนั้นรากเน่าตาย เสียหายนับล้านบาทเลยทีเดียว

นางนงลักษณ์ งามอยู่เจริญ ชาวบ้าน ต.ศิลาดาน เปิดเผยว่า น้ำท่วมรอบที่ 4 ขึ้นๆลงๆ ทำความสะอาดบ้านทาสีไปแล้ว 3 รอบ น้ำมา 3 รอบแรกเราทำใจได้ แต่รอบนี้ขึ้นพรวดๆ ตอนกลางคืนขนของก็แทบจะไม่ทัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยน้ำแบบไม่สนใจไม่ชี้แจงชาวบ้านเลย ผักต่างๆ ที่ปลูก อย่างมะเขือยาว ถั่วฝักยาว มะระจีน แตงล้านก็พังเสียหาย ปลูกผักก็ไม่ได้ เพราะจริงๆตอนนี้ต้องเริ่มปลูกกันแล้วเก็บเกี่ยวช่วงกุมภาพันธ์ ที่นี่ปลูกผักส่งให้ตลาดไท วันละเกือบ 15 ตัน แต่ก็ต้องสะดุด เพราะปลูกไม่ได้มีแต่น้ำทั้งนั้น ปีนี้น้ำมากกว่าปี 65 และยืดเยื้อ ปกติท่วมเดือนเดียวก็จบ รอบนี้ขึ้นๆ ลงๆ ท่วมมา 2 เดือนแล้ว

...

นายสุภาพ สุขสำราญ เกษตรกรชาวสวนส้มโอ อายุ 74 ปี เผยว่า ตอนนี้น้ำที่ท่วมทำส้มโอต้นเล็กตายไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนต้นใหญ่ ถ้าท่วมนานกว่านี้อีก 1 เดือน ก็ตายเหมือนกันรากเน่า ถึงแม้ว่าจะไม่ตายแต่ผลผลิตที่ออกมาก็ไม่ได้คุณภาพ เงินเยียวยาก็ไม่เข้าเกณฑ์เพราะไม่ได้ยืนต้นตาย ไม่ใช่พืชล้มลุก ถึงได้เยียวยาก็แค่ไร่ละ 1 พันบาท ส้มโอใช้เวลา 3-5 ปี จะออกผล ค่าเยียวยาไม่พอค่าดูแล เกษตรกรในพื้นที่ต.ศิลาดาน ปลูกส้มโอรวมกันกว่า 10 ไร่ ประมาณ 400 ต้น ต้นนึงออกผลได้ประมาณ 200 กิโลกรัม มูลค่าตกต้นละ 10,000 บาท ถ้าเสียหายทั้งหมดก็ตก 4 ล้านบาทแล้ว กว่าจะโตก็ต้องมาเจอน้ำท่วมอีก ได้แต่ทำใจนั่งนับวันรอต้นส้มโอตายต่อหน้าต่อตา