นรกเหยื่อบัญชีม้า ยึดโทรศัพท์-ขังในห้อง 3 วัน สแกนหน้าฝั่งลาว หลอกอ้างงานสบาย เงินดี สุดท้ายยอมปล่อยตัวหลังถูกอายัดบัญชี

ก่อนหน้านี้ SEE TRUE ตามแกะรอยจนพบว่าแก๊งสแกมเมอร์บางส่วนได้ย้ายฐานมาตั้งที่ สปป.ลาว มีการหลอกวัยรุ่นในพื้นที่ให้ไปสแกนหน้า และพบเหยื่อหลายราย ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่ จ.เชียงราย ซ้ำอีกรอบ ปรากฏว่าพอไปถึงเจอเหยื่ออีกราย หญิงสาวรายหนึ่ง เหยื่อรายนี้วิตกกังวลถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า



ทีมข่าว SEE TRUE พร้อมกับนายสุรชาติ ผิวแดง อาสาสมัครมูลนิธิ IMF ขับรถไปหาเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์รายหนึ่ง เราขอใช้นามสมมติเธอว่าน้องน้ำผึ้ง อายุ 22 ปี ที่แขนของเธอมีรอยขีดข่วน จากภาวะโรคซึมเศร้า เพราะเธอเครียดและวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เจอมา วันที่เจอทีมข่าวเธอร้องไห้เป็นระยะ

...


เธอเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เธอทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ถูกชักชวนจากเพื่อนผู้หญิงที่ทำงานอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ออกอุบายชักชวนเธอไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะ ที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อนของเธออ้างว่า “งานนี้เป็นงานที่ได้เงินดี ได้ทิปจากลูกค้าเยอะ“


ตอนนั้นเธอยอมรับว่าไม่มีทางเลือก เพราะเธออาศัยอยู่กับย่าและน้องชาย ต้องส่งตัวเองเรียนหนังสือ จึงตัดสินใจข้ามไปทำงานที่ลาว โดยตกลงกับเพื่อนคนนี้ว่าจะไปทำงาน 3 วัน 2 คืน



วันที่เดินทางไปลาว มีผู้ชาย 3 คนขับรถมารับเธอ หลังจากนั้นก็ไปรับเพื่อนผู้หญิงคนดังกล่าว พอไปถึง ตม.ไทย เธอได้ทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว และได้ข้ามฝั่งไปประเทศลาวตามขั้นตอนถูกต้อง แต่พอไปถึงมีรถที่อ้างว่าเป็นรถแท็กซี่ แต่ภาพที่เห็นมันคือรถกระบะสีขาว มารับเธอที่ ตม.ลาว พาไปส่งยังที่พักมีลักษณะเป็นห้องแถว หลังจากนั้นเพื่อนผู้หญิงได้พาเธอไปพักในห้อง


กระทั่งกลางคืนเธอแต่งหน้า แต่งตัว เตรียมพร้อมไปทำงาน ได้ไปบอกเพื่อนผู้หญิงว่า “พร้อมจะไปทำงานแล้วนะ” แต่เพื่อนกลับนิ่งเฉย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงเธอที่กระตือรือร้นอยู่คนเดียว ท้ายที่สุดคืนนั้นเธอถูกยึดโทรศัพท์มือถือและกลุ่มชายที่อยู่ที่นั่น ออกไปเที่ยวข้างนอก ทิ้งให้เธอนอนอยู่ในห้อง ตอนนั้นเธอจึงเริ่มผิดสังเกตว่าทำไมต้องยึดโทรศัพท์มือถือของเธอไปด้วย

...



ตลอดระยะเวลา 3 วัน ที่อยู่ที่นั่นเธอพยายามด่าทอ ต่อว่ากลุ่มชายที่พาเธอข้ามไปลาว ว่ายึดโทรศัพท์มือถือเธอไปทำไม และสุดท้ายเธอถูกบังคับให้สแกนหน้า ตอนนั้นจึงเข้าใจว่านี่เป็นกลุ่มขบวนการแก๊งบัญชีม้า ซึ่งเธอก็ต้องยอมทำตามคำสั่ง เพราะเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวไม่มีทางสู้


...

วันสุดท้ายเธออ้อนวอนขอชีวิต ขอโทรศัพท์คืนและอยากกลับประเทศไทย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นก็ยอมคืนโทรศัพท์มือถือให้ และให้เธอข้ามกลับมาฝั่งไทย ปรากฏว่าหลังจากกลับไทยไม่นาน เธอไปตรวจสอบที่ธนาคาร พบว่า มีเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชีกว่า 3 ล้านบาท แต่ก่อนกลับเงินถูกถ่ายโอนไปจนหมด และไม่นานบัญชีธนาคารเธอก็ถูกอายัด

เธอตัดสินใจเดินทางไป สภ.เชียงแสน เพื่อจะไปแจ้งความ แต่กลับถูกตำรวจปฏิเสธไม่ยอมรับแจ้ง จึงต้องหาทางขอความช่วยเหลือจากนายสุรชาติ ที่ผ่านมายอมรับว่าต้องกินยานอนหลับทุกวัน เพราะอาการโรคซึมเศร้ากำเริบ ถึงขั้นคิดอยากฆ่าตัวตาย


เบื้องต้นนายสุรชาติ และทีม SEE TRUE ประสานตำรวจส่วนกลาง เพื่อรับเคสนี้ไปดำเนินการต่อตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ซึ่งสัปดาห์หน้า SEE TRUE จะเปิดโปงขบวนการสแกมเมอร์ฝั่งลาว ฝากติดตามได้ทางหน้าจอไทยรัฐทีวี ช่อง 32


...