เป็นที่น่าจับตาเสมอสำหรับการปรับทัพแกนนำพรรคการเมืองใหญ่ โดยเฉพาะ "พรรคเพื่อไทย" ที่ล่าสุดได้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ 5 สมัย เข้ามารับไม้ต่อจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ช่วงต้นปี 2569
ย้อนกลับไปในเส้นทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่มีการบังคับใช้ รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าการเลือกตั้งไทยไปอย่างสิ้นเชิง กลับพบรูปแบบที่น่าสนใจประการหนึ่ง นั่นคือ "หัวหน้าพรรค" ไม่ได้มีสถานะเท่ากับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีที่พรรคเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่แทบไม่ใช้งานหัวหน้าพรรคมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เลย ตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 และ 2566 ซึ่งคาดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็อาจจะไม่ได้มีพลิกไปจากแนวทางเดิม
...
ย้อนรอย 'แม่ทัพ' เพื่อไทย ใต้ รธน. 60
หากนับเฉพาะการเลือกตั้งใหญ่ 2 ครั้งหลังสุด ภายใต้กติกาใหม่ พรรคเพื่อไทยมีหัวหน้าพรรคที่ทำหน้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่กลับไม่ได้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ได้แก่
1. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์
• ช่วงเวลาดำรงตำแหน่ง: ตุลาคม 2561 - กรกฎาคม 2562
• สถานะเลือกตั้ง '62: ไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ❌
ในศึกเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกหลังรัฐประหาร ปี 2562 พล.ต.ท.วิโรจน์ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค แต่ 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยในครั้งนั้น คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ ศ.พิเศษชัยเกษม นิติสิริ สะท้อนชัดว่า บทบาทผู้คุมทัพในพรรค กับ "ผู้นำ" ที่เสนอต่อประชาชนเป็นคนละส่วนกัน
...
2. สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
• ช่วงเวลาดำรงตำแหน่ง: กรกฎาคม 2562 - ตุลาคม 2564
• สถานะ: ไม่ผ่านการเลือกตั้ง❌
นายสมพงษ์ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหลังการเลือกตั้งปี 62 เพื่อนำทัพ สส. ในสภาฯ ทำหน้าที่ "ผู้นำฝ่ายค้าน" ไม่ได้อยู่ในไทม์ไลน์ของการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ
...
3. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
• ช่วงเวลาดำรงตำแหน่ง: ตุลาคม 2564 - สิงหาคม 2566
• สถานะเลือกตั้ง'66: ไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ❌
ในศึกเลือกตั้ง 2566 นพ.ชลน่าน คือ "หัวหน้าพรรค" ที่นำทัพหาเสียงอย่างแข็งขัน แต่ 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคเพื่อไทยยื่นต่อ กกต. คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, นายเศรษฐา ทวีสิน และ ศ.พิเศษชัยเกษม นิติสิริ
ตอกย้ำรูปแบบเดิมอีกครั้ง "หัวหน้าพรรค" ไม่จำเป็นต้องเป็น "แคนดิเดตนายกฯ"
...
4. แพทองธาร ชินวัตร
• ช่วงเวลาดำรงตำแหน่ง: ตุลาคม 2566 - ตุลาคม 2568
• สถานะ: ไม่ผ่านการเลือกตั้ง❌
กรณีของ น.ส.แพทองธาร มีความพิเศษ คือเธอเป็น "แคนดิเดตนายกฯ" (ในศึกเลือกตั้ง '66) ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็น"หัวหน้าพรรค" อย่างเต็มตัวในภายหลัง (ต.ค. 66) หลังจากที่พรรคจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ และ นพ.ชลน่าน ลาออกจากตำแหน่งตามที่เคยประกาศไว้
5. จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
• ช่วงเวลาดำรงตำแหน่ง: ตุลาคม 2568 - ปัจจุบัน
• สถานะเลือกตั้ง’69: ?
การมาถึงของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ในฐานะหัวหน้าพรรคคนล่าสุด เกิดขึ้นในช่วงต้นเทอมของรัฐบาลอนุทิน ที่ประกาศจะยุบสภาฯ ภายใน 4 เดือน และพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน คำถามที่ต้องจับตาคือ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหากเกิดขึ้นในปี 2569 พรรคเพื่อไทยจะยังคงใช้กลยุทธ์ "แยกบทบาท" นี้ต่อไปหรือไม่?
กลยุทธ์แยกบทบาท นายกฯ - หัวหน้าพรรค เพื่ออะไร?
การที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในช่วง 2 การเลือกตั้งหลังสุด อาจวิเคราะห์ได้หลายมิติ
1. กติการัฐธรรมนูญ 60: รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ได้ถึง 3 คน และไม่จำเป็นต้องเป็น สส. จึงเปิดกว้างให้พรรคสามารถวางกลยุทธ์แยกคนทำงาน ได้
2. แบ่งหน้าที่ชัดเจน: "หัวหน้าพรรค" ทำหน้าที่บริหารจัดการภายในพรรค, ดูแล สส., รับผิดชอบด้านกฎหมายและข้อบังคับพรรค ซึ่งเป็นงานหลังบ้านที่หนักหน่วง
3. ชู "จุดขาย" ที่แข็งแกร่ง: ขณะที่ แคนดิเดตนายกฯ คือ "หน้าบ้าน" ที่ใช้ในการหาเสียง พรรคสามารถเลือกบุคคลที่มีกระแสความนิยมสูง, มีภาพลักษณ์ที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ หรือเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง มาเป็น "จุดขาย" หลัก โดยไม่ต้องแบกรับภาระงานบริหารพรรคไปพร้อมกัน
4. กระจายความเสี่ยง: ในยุคที่การเมืองมีความไม่แน่นอนสูง การยุบพรรค หรือการตัดสิทธิ์ทางการเมืองเกิดขึ้นได้ง่าย การแยกบทบาท "หัวหน้าพรรค" (ซึ่งมักเป็นเป้าหมายทางกฎหมาย) ออกจากแคนดิเดตนายกฯ อาจเป็นหนึ่งในกลยุทธ์บริหารความเสี่ยง
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ในสมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ในฐานะแม่ทัพคนปัจจุบัน จะสวมหมวกใบเดียว หรือจะยังคงใช้ "สูตรสำเร็จ" แยกแม่ทัพออกจากแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกฯ เช่นเดิม