“ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้” ท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์อัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกของจีนที่ “ชินโจว” ทุ่มงบ 7,100 ล้านหยวน พลิกโฉมโลจิสติกส์ด้วย AI และระบบ “Sea-Rail” ลดการใช้คนงาน 90% เพิ่มประสิทธิภาพทะลุขีดจำกัด ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ สี จิ้นผิง เชื่อมจีนตะวันตกสู่ทั่วโลก


ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ (Beibuwan Port) ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งถือเป็นประตูยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้ “ระเบียงการขนส่งทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศใหม่” (New Land-Sea Corridor) ที่เชื่อมจีนภาคตะวันตกออกสู่ทะเล ประกอบด้วย 3 ท่าเรือย่อย ได้แก่ ท่าเรือฝางเฉิงก่าง, ท่าเรือเป่ยไห่ ซึ่งขนส่งตู้คอนเทนเนอร์และสินค้าเทกอง และท่าเรือชินโจว (Qinzhou Port) ที่ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์และน้ำมัน จุดนี้ถือเป็นหัวใจของการปฏิวัติสู่ "ท่าเรืออัจฉริยะ"

ตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนส่งด้วยรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ ลดการใช้แรงงานคนมากถึง 90% เชื่อมต่อกับระบบรางได้รวดเร็ว
ตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนส่งด้วยรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ ลดการใช้แรงงานคนมากถึง 90% เชื่อมต่อกับระบบรางได้รวดเร็ว

...


วิสัยทัศน์นี้ถูกยกความสำคัญตั้งแต่ปี 2017 เมื่อประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและกำชับให้พัฒนาท่าเรือแห่งนี้ให้โดดเด่นระดับ "First Class" ใน 4 ด้าน คือ โครงสร้างพื้นฐาน, เทคโนโลยี, การบริหารจัดการ และการบริการ


🏗️ ‘ชินโจว’ ท่าเรือ AI อัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรก


ท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติชินโจว (Beibuwan Port Qinzhou Automated Container Terminal) เป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะที่สำคัญของจีน“ ด้วยงบประมาณการลงทุนมหาศาลถึง 7,100 ล้านหยวน หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท


ภาพที่เราเห็นคือความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างท่าเรือยุคเก่าและยุคใหม่


  • ท่าเรือดั้งเดิม (เครนยกสีแดง): ยังคงใช้ระบบ Manual พนักงานควบคุมเครนบนปั้นจั่นสูง และใช้คนขับรถบรรทุกในการลำเลียง ซึ่งในอนาคตไม่มีแผนปรับปรุงเป็นระบบอัตโนมัติ เนื่องจากต้นทุนการปรับปรุงที่สูงมาก


อีกฝั่งของท่าเรือยังเป็นระบบคนอยู่
อีกฝั่งของท่าเรือยังเป็นระบบคนอยู่



  • ท่าเรืออัจฉริยะ (เครนยกสีฟ้า): ใช้ระบบอัตโนมัติเกือบ 100% ในพื้นที่ปฏิบัติการแทบไร้เงาคน เครนยกตู้คอนเทนเนอร์และรถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ (AGV) เคลื่อนที่เองอัตโนมัติเหมือนฉากในภาพยนตร์ไซไฟ


สำหรับสิ่งที่น่าทึ่งคือ ค่าบริการสำหรับการใช้งานท่าเรือทั้งสองระบบ ยังคงคิดในอัตราที่เท่ากัน


เทคโนโลยีเบื้องหลังความอัจฉริยะนี้ คือ การผสานระบบคอมพิวเตอร์, AI และ 5G โดยระบบเครนอัตโนมัติสามารถคัดแยกประเภทสินค้าได้เองผ่านการอ่านหมายเลขบนตู้คอนเทนเนอร์ และยังมีกล้อง AI ตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่อาจขัดขวางการทำงาน เช่น คนหรือรถที่พลัดเข้ามาในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนส่งด้วยรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ ลดการใช้แรงงานคนมากถึง 90% เชื่อมต่อกับระบบรางได้รวดเร็ว
ตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนส่งด้วยรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ ลดการใช้แรงงานคนมากถึง 90% เชื่อมต่อกับระบบรางได้รวดเร็ว

...


💡 นวัตกรรม ‘Sea-Rail’ และ ‘U-shaped’ แห่งแรกของโลก


ท่าเทียบเรือชินโจว ยังเป็นท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกของจีน ที่สามารถรองรับการขนส่งแบบ “Sea-Rail Joint Transport” หรือการขนส่งร่วมระหว่างทางทะเลและทางรถไฟได้อย่างสมบูรณ์


ในอดีตการย้ายตู้คอนเทนเนอร์จากเรือไปขึ้นรถไฟต้องใช้เวลาและขั้นตอนที่ซับซ้อน แต่ที่นี่ใช้รถขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์แบบอัตโนมัติสามารถวิ่งจากหน้าท่าไปถึงจุดขนถ่ายขึ้นรถไฟของ "ระเบียงการขนส่งทางบก-ทางทะเลฯ" ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที


นอกจากนี้ ท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นแห่งแรกของโลกที่นำกระบวนการปฏิบัติงานแบบ “U-shaped Process” มาใช้ ซึ่งช่วยให้การเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์เป็นวงจรปิดที่สั้นลง ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานของระบบอัตโนมัติได้อย่างมหาศาล


👩‍🔧 ผลกระทบต่อแรงงาน: ลดคน 90% แต่ยกระดับคุณภาพชีวิต


การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอัตโนมัติย่อมส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน โดยท่าเรือแห่งนี้ นำระบบอัตโนมัติมาใช้ ทำให้เหลือคนงานเพียง 10% จากในอดีต หรือลดการจ้างงานในส่วนปฏิบัติการลงถึง 90%


อย่างไรก็ตาม สำหรับคนงานที่เหลืออยู่ คุณภาพชีวิตกลับดีขึ้นอย่างชัดเจน พวกเขาสามารถอยู่ในตำแหน่งงานได้นานขึ้น เพราะงานเปลี่ยนจากการควบคุมเครนที่เสี่ยงอันตรายและส่งผลต่อสุขภาพ มาเป็นการนั่งควบคุมระบบในห้องแอร์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังพบว่ามี อัตราการจ้างคนงานหญิงมากขึ้น ในตำแหน่งควบคุมระบบเหล่านี้

แบบจำลองท่าเรืออัตโนมัติ
แบบจำลองท่าเรืออัตโนมัติ

...


📈 สถิติที่น่าทึ่ง สู่ ‘Top 10’ ของจีน


ความสำเร็จของท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ไม่ได้มีเพียงแค่เทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนผ่านตัวเลขการเติบโตที่แข็งแกร่ง ข้อมูลล่าสุดในปี 2024 (ข้อมูลถึงปัจจุบัน/ตามรายงาน) เผยให้เห็นภาพความสำเร็จดังนี้:

  • ปริมาณขนส่งสินค้ารวม (อ่าวเป่ยปู้): 449 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 1.8%)
  • ปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ (อ่าวเป่ยปู้): 9.015 ล้านตู้ (TEUs) (เพิ่มขึ้น 12.4%)
  • สัดส่วนท่าเรือชินโจว: ขนส่งสินค้าถึง 327 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 5.6%) คิดเป็น 73% ของการขนส่งทั้งหมดในอ่าวเป่ยปู้


ตัวเลขเหล่านี้ส่งผลให้ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ติดท็อป 10 ของท่าเรือตามแนวชายฝั่งทั่วประเทศจีน ทั้งในแง่ปริมาณสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์ ขณะที่ขบวนรถไฟในโครงการ “เส้นทางใหม่เชื่อมทางบกและทางทะเลด้านตะวันตก” ก็มีการเดินรถรวมถึง 10,018 ขบวน (เพิ่มขึ้น 4.6%)

บรรยากาศภายในท่าเรือที่ใช้ระบบขนส่งตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติ
บรรยากาศภายในท่าเรือที่ใช้ระบบขนส่งตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติ

...


🌍 ยุทธศาสตร์เชื่อมโลก และอนาคตที่ไปต่อไม่หยุด


ท่าเรืออัจฉริยะแห่งนี้ ถูกออกแบบให้มีขีดความสามารถในการรองรับตู้คอนเทนเนอร์สูงสุดถึง 2.6 ล้านตู้ต่อปี ทำให้กลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาคตะวันตก และเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักในการเชื่อมโยงการค้าทางบกและทางทะเลระหว่างจีนกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนและนานาชาติ


ปัจจุบัน ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้มีเส้นทางขนส่งสินค้ารวม 91 เส้นทาง (ในประเทศ 35, นอกประเทศ 56) โดยหนึ่งในเส้นทางสำคัญคือการเชื่อมต่อตรงมายัง ท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย


ธีมหลักของที่นี่คือ Muti-model transportation หรือการขนส่งหลายรูปแบบ ที่ไม่ได้หยุดแค่ทะเลกับราง ในขณะที่ท่าเรือชินโจวโชว์ความล้ำด้าน AI ท่าเรือเป๋ยไห่ (Beihai Port Area) ก็กำลังทดสอบประสิทธิภาพ รถบรรทุกไร้คนขับ ที่ใช้ระบบ 5G เป็นเทคโนโลยีแกนหลัก


นอกจากนี้ ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ยังกำลังก่อสร้างท่าเรือแม่น้ำ เพื่อเชื่อมต่อกับ คลองขุดผิงลู่ (Pinglu Canal) ที่จะเปิดให้บริการในอนาคต เพื่อรองรับเรือขนาด 5,000 ตัน เป็นการตอกย้ำภาพการเชื่อมโยงโลจิสติกส์อย่างไร้รอยต่อ ทั้งทางเรือเดินทะเล, เรือเดินแม่น้ำ, ทางราง และทางรถบรรทุก เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นท่าเรือ "First Class" ตามที่ผู้นำจีนได้ตั้งเป้าไว้

ตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนส่งด้วยรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ ลดการใช้แรงงานคนมากถึง 90% เชื่อมต่อกับระบบรางได้รวดเร็ว
ตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนส่งด้วยรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ ลดการใช้แรงงานคนมากถึง 90% เชื่อมต่อกับระบบรางได้รวดเร็ว


โดยทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ร่วมกับคณะสื่อมวลชนไทย เดินทางศึกษาดูงาน ณ มณฑลกว่างซี ประเทศจีน ในโครงการ "มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้ ครั้งที่ 7" จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 26-30 ตุลาคม 2568