ชาวบ้านเริ่มกดดัน ให้ทหารยึดคืน ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ แม้มีการลงนามสันติภาพ แต่แหล่งข่าวในพื้นที่แนวหน้าระบุว่า ในตัวปราสาท กัมพูชายังไม่ถอนทหาร แถมเสริมแนวบังเกอร์แน่นหนา ซุ่มกองกำลัง วางกับดักระเบิดมากกว่าหลายแห่งในพื้นที่แนวหน้า
ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ก่อนการปะทะมีการเข้ามาดูแลของฝ่ายไทยและกัมพูชา แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตุกรณีกัมพูชา ตั้งตู้รับบริจาคเงินภายในปราสาทตาควาย ก่อนเก็บตู้บริจาคกลับไป และเกิดการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งพื้นที่ปราสาทตาควาย เป็นสมรภูมิสำคัญ ก่อนที่กัมพูชาจะเข้าไปตั้งฐานในปราสาทจนถึงปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 26 ต.ค.68 ที่ผ่านมามีการจัดประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ณ ศูนย์การประชุมกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเกิดเหตุการณ์สำคัญ คือ การร่วมลงนาม “ถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา” โดยมีนายโดนัลด์ เจ.ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน
...
ภายในถ้อยแถลง มีประเด็นสำคัญคือ การแก้ไขปัญหาข้อพิพาทจัดทำหลักเขตแดน การถอนอาวุธยุทโธปกรณ์หนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดออกจากแนวชายแดน รวมถึงการฟื้นฟูรักษาความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยว่า เราจะปฏิบัติตามแนวทางข้อตกลงที่เราได้ลงนามร่วมกันไว้ ถือว่าเป็นข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่การบริหารจัดการความขัดแย้งให้ลดระดับลงมา
หลังนายกฯ ลงนามสันติภาพกับกัมพูชา เพจเฟซบุ๊กต่างๆ ของชาวสุรินทร์ ต่างออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทวงคืนปราสาทตาควาย แสดงความกังวลถึงอาณาเขตแผ่นดินไทยหลายแห่งยังไม่ได้กลับคืนมา ทั้งปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก ปราสาทคนา และสวนมะม่วง ช่องระยี อ.กาบเชิง และเรื่องของข่าวการเปิดด่านชายแดน
เพจเฟซบุ๊ก "ชุมชนคนสุรินทร์" โพสต์ระบุข้อความว่า ปราสาทตาควาย ตั้งอยู่ใน ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ประเทศไทย ตามแผนที่1/50,000 ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน รวมทั้งแชร์ข้อความให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับปราสาทตาควาย และโพสต์เชิญชวนให้ประชาชนที่เคยไปเที่ยวปราสาทตาควาย นำภาพถ่ายโชว์ให้คนได้เห็นว่าปราสาทเป็นของไทย เพื่อแสดงความต้องการให้รัฐบาลและทหารนำดินแดนไทย และปราสาทตาควายกลับคืนให้หมด ซึ่งก็มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากนั้น
แหล่งข่าวระดับสูงในพื้นที่แนวหน้า เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า การที่ชาวบ้านในพื้นที่จะมาชุมนุมเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าต้องการตัวปราสาทตาควายคืน แต่การจะให้ชาวบ้านบุกไปที่ปราสาทเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในพื้นที่มีบังเกอร์ และระเบิดที่ฝังไว้จำนวนมาก
การเจรจาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา สิ่งสำคัญคือ ทหารกัมพูชา ต้องถอนออกจากปราสาทตาควายด้วย แต่ถ้าไม่แสดงความจริงใจด้วยการถอนทหารออกจากปราสาท กับระเบิดที่ฝังไว้รอบปราสาทตาควายมีอยู่จำนวนมาก และถือว่ามีระเบิดที่แอบฝังไว้จำนวนมากกว่าหลายที่ เป็นแนวปะทะ โดยเฉพาะตัวรอบปราสาทกัมพูชา วางกับระเบิดไว้หมด ซึ่งถ้ากัมพูชาแสดงความจริงใจ ต้องเก็บกู้ระเบิดเหล่านั้นไปด้วย
สถานการณ์ตอนนี้ทหารกัมพูชา ยังตั้งกองกำลังอยู่ในปราสาทตาควายเหมือนเดิม มีการทำบังเกอร์ และสถานที่หลบภัยอย่างแน่นหนา ขณะที่ทหารไทยอยู่ห่างจากตัวปราสาทตาควายประมาณ 300 เมตร
จากการติดตามพบว่ามีทหารกัมพูชาวางกำลังอยู่ในปราสาทค่อนข้างมาก แล้วฝั่งกัมพูชา มีการทำถนนเสริมเข้ามาหลังปราสาทตาควาย เลยทำให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นจุดที่ทหารไทยจะเข้าตีค่อนข้างยาก เพราะเป็นโบราณสถาน ขณะที่การถอนทหารกัมพูชา ออกจากปราสาทตาควาย ก็จะเป็นการแสดงความจริงใจของฝั่งกัมพูชาด้วย
ปัจจุบัน พื้นที่แนวหน้าได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อตั้งรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นไว้แล้ว หากฝ่ายกัมพูชาต้องการความจริงใจ หรืออยากกลับมาเป็นมิตรประเทศกัน สิ่งแรกที่ฝ่ายกัมพูชาต้องทำคือ ถอนกำลังจากปราสาทตาควาย พร้อมเก็บกับระเบิดของตนกลับไปด้วย และขอยืนยันว่า ปราสาทตาควายเป็นพื้นที่ของประเทศไทยมาตั้งนานแล้ว
...
“ทุกคนไม่ยอมเสียพื้นที่อยู่แล้ว เพราะมันคือประเทศไทย ปราสาทตาควายเป็นของเรามาตั้งนานแล้ว และเราก็ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาตั้งนานแล้ว อยู่ดีๆ จะมาทำเป็นกลางๆ หรือเป็นของส่วนรวม มันก็ไม่ใช่ เพราะตามหลัก มันต้องเป็นของเรา”