แร่แรร์เอิร์ธ ไทย-สหรัฐฯ หลังลงนาม MOU ส่องโอกาส-ผลกระทบ นักวิชาการห่วงอเมริกาขอสัมปทานส่งผลต่อชาวบ้าน ย้ำมีผลดี แต่ด้วยงานรัฐต้องวางกรอบให้ชัดเจน ป้องกันสารพิษรั่วไหลเหมือนเมียนมา ชี้ 2 มหาอำนาจเดินเกมชิงความได้เปรียบภูมิรัฐศาสตร์
การลงนาม MOU ความร่วมมือพัฒนาแร่แรร์เอิร์ธฉบับแรกของไทยกับสหรัฐอเมริกา ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงนามร่วมกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อ 26 ตุลาคม 2568 ที่มาเลเซีย ทำให้มีการตั้งคำถามถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลจากการลงนามที่เกิดขึ้นกับชาติมหาอำนาจ เพราะตัวเลขปัจจุบันพบว่า จีนเป็นประเทศส่งออกแร่ชนิดนี้มากที่สุด ขณะสหรัฐต้องการสร้างการต่อรองในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และการค้าในโลกอนาคต จึงมีการประสานความร่วมมือในการขุดแร่แรร์เอิร์ธ ในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่า การลงนาม MOU ความร่วมมือพัฒนาแร่แรร์เอิร์ธฉบับแรกของไทยกับสหรัฐอเมริกา เป็นการยอมรับว่าให้เขาเข้ามาขอสัมปทานไทยได้ ดังนั้นจะกลายเป็นความผูกพัน ในการที่อเมริกามาขอสัมปทานไทย ซึ่งในกรณีที่มีการสำรวจเจอสามารถมาขอสัมปทาน แต่ก็ต้องมีการทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
...
แต่สิ่งที่ตามมาคือ อเมริกา สามารถขอทำสัมปทานได้ทุกพื้นที่ เพราะไทยยังไม่ระบุกรอบชัดเจน แต่ยอดสถิติการส่งออกแร่หายากของไทย ส่วนใหญ่ตอนนี้มาจากการนำเข้ามาจากเหมืองในเมียนมา ที่มีผลปล่อยสารพิษลงในแม่น้ำมายังไทย ซึ่งมีการส่งแร่หายากมาแต่งแร่ในไทยก่อนจะส่งต่อไปยังประเทศอื่น
แต่ตอนนี้ประชาชนบางส่วนกลัวการทำเหมืองแร่หายาก เพราะเห็นได้จากการทำในเมียนมา แล้วมีมลพิษไหลมาตามแหล่งน้ำในไทย ดังนั้น ทางกรมเหมืองแร่ของไทยจะต้องมีการทำมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ให้ไปเปิดหน้าดินได้อย่างสะดวก
คาดว่าพื้นที่ที่มีแร่หายากในไทย จะอยู่ในรอยต่อระหว่าง จ.พิจิตร และเพชรบูรณ์ ซึ่งมีเหมืองทองอยู่เดิม ที่คาดว่าจะมีแร่หายากซ่อนอยู่เช่นกัน
การลงนาม MOU ความร่วมมือพัฒนาแร่แรร์เอิร์ธฉบับแรกของไทยกับสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการชิงความได้เปรียบของสหรัฐอเมริกาต่อจีน เพราะต้องยอมรับว่าจีนเป็นผู้ส่งออกแร่หายากรายใหญ่ของโลก และจีนลงทุนค่อนข้างมากในพื้นที่เมียนมา
แร่แรร์เอิร์ธ หรือแร่หายาก ไม่ได้หายากอย่างที่คิดไว้ แต่มันทำให้บริสุทธิ์ได้ยาก เพราะต้องเข้าไปยังโรงแต่งแร่ค่อนข้างมาก และวิธีการทำต้องใช้สารเคมีไปละลายธาตุบางอย่างออกมา แล้วสกัดออกมาทำให้มีมลพิษค่อนข้างมาก ดังนั้น ถ้ามีการควบคุมที่ไม่ดี หรือไม่มีมาตรฐานในการสกัดแร่ที่เพียงพอ สิ่งแวดล้อมจะได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสีย หรือสารหนูปนเปื้อน โลหะหนัก อาจลงสู่ธรรมชาติได้
สิ่งแรกที่ต้องทำ ถ้ามีการทำเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ จะต้องมีกรอบปฏิบัติในการทำเหมืองที่ป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมาก่อน ต้องระบุชัดเจน ว่าจะมีการทำใต้ดิน หรือระเบิดหน้าดิน โดยต้องมีหลักการเหล่านี้ออกมาก่อน แต่ถ้าอยู่ดีๆ ให้มาทำเหมืองเหล่านี้เลยก็จะขาดการป้องกันที่เหมาะสม และอาจเป็นอันตราย ดังนั้นการที่อเมริกาเข้ามาลงนาม MOU ก็เพื่อจะถ่วงดุลจีน
น่าสนใจว่าการลงนาม MOU เกี่ยวกับแร่หายากของอเมริกาก็ได้ลงนามกับเวียดนาม มาเลเซีย และไทย ซึ่งน่าสนใจว่า มาเลเซียมีโรงงานแต่งแร่หายาก
จุดเริ่มต้นแร่หายาก ผลกระทบที่อาจตามมา
อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ผลกระทบสิ่งแวดล้อมมหาศาล จากการขุดแร่หายากแบบไร้มาตรฐาน
...
1.ข้อมูลจากสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ในปี 2567 ระบุว่าประเทศไทยผลิตแร่หายากอันดับ 4 ของโลก ส่วนใหญ่พบในหินแกรนิต และสะสมอยู่ในชั้นดินผุพังรวมถึงในสายแร่ที่เกี่ยวข้องกับดีบุกและทังสเตน จังหวัดที่มีศักยภาพ: ภาคเหนือ: เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ ภาคตะวันตก: อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ระนอง, พังงา ภาคใต้: ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, ระนอง,พังงา, สุราษฎร์ธานี
แต่ทั้งหมดยังไม่มีการดำเนินการขุดแร่ในเชิงพาณิชย์ เพียงแต่ทำกันเองแบบชาวบ้าน
2.แร่หายาก (Rare earth elements) ส่วนใหญ่จะได้มาจากการทำเหมืองด้วยวิธีการที่ต้องขุดหน้าดินและใช้สารเคมีเพื่อชะล้างโลหะออกจากแร่ หรือโดยการเจาะและปั๊มสารเคมีเข้าไปในชั้นหิน เช่น ใช้สารแอมโมเนียมซัลเฟตเพื่อละลายธาตุหายากออกมาแล้วนำมาสกัดด้วยสารเคมีอีกครั้ง ดังนั้นน้ำเสียที่เกิดจากการผลิตจะปนเปื้อนด้วยโลหะหนักปริมาณมาก ถ้าปล่อยทิ้งออกมาจะปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อม
...
3.กระบวนการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก รวมถึงเกิดการปนเปื้อนของดิน อากาศ และน้ำด้วยสารเคมีที่เป็นพิษและวัสดุกัมมันตรังสี เช่น ทอเรียมและยูเรเนียม ซึ่งนำไปสู่ปัญหาระยะยาว เช่น มลพิษที่ปนเปื้อนลงสู่น้ำใต้ดินและของเสียที่สามารถสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศและชุมชนในท้องถิ่นได้
...
4.การทำเหมืองแร่หายาก หน่วยราชการ เช่น กรมทรัพยากรธรณีและกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ จะต้องเตรียมความพร้อม ต้องกำหนดหลักการและแนวทางปฏิบัติในการทำเหมืองให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้องมีมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบจากการปล่อยน้ำเสีย มาตรการจัดเก็บตะกอนหางแร่ การป้องกันกากตะกอนแร่ทั้งที่เป็นกัมมันตภาพรังสีและไม่เป็นกัมมันตภาพรังสี ไม่ให้ปนเปื้อนน้ำใต้ดินและน้ำผิวดินและระบบนิเวศ มาตรการป้องกันมลพิษทางอากาศ รวมทั้งจะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและให้ความเห็นว่าสมควรให้ดำเนินการในพื้นที่ชุมชนหรือไม่ รวมทั้งจะต้องกำหนดให้ต้องทำรายงานการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ