“อาณาจักร คิงส์โรมัน" เปิดประวัติ แหล่งฟอกเงิน-สแกมเมอร์? พาสำรวจอาคารสูง 30 ชั้น ขบวนการจีนเทาลงทุน เช่าที่ 99 ปี วางกลยุทธ์ดูดคนไทย
ก่อนหน้านี้ทีม SEE TRUE ไทยรัฐทีวี ได้ช่วยเหลือเหยื่อเป็นสามีภรรยาที่อ้างว่า ถูกหลอกไปสแกนหน้าเป็นบัญชีม้า ที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งคนที่ถูกหลอกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น จุดที่เป็นรังของแก๊งบัญชีม้าฝั่งลาว อยู่ใกล้รัศมีใกล้อาณาจักรกาสิโนคิงส์โรมัน จากจำนวนตัวเลขของเหยื่อที่ปรากฏ ก็พอทำให้เข้าใจได้ว่าพื้นที่ฝั่งลาวอาจกำลังถูกกลืนกินไปด้วยธุรกิจสีเทาหรือเปล่า
ทีมข่าว SEE TRUE ได้นั่งเรือจาก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ข้ามโขงสู่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว จุดนี้เป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ หรือคิงส์โรมัน ต้องบอกว่าความเป็นชนบทของเมืองแห่งนี้ในอดีต ถูกแทนที่ด้วยความเจริญที่เข้ามา โดยที่นี่ถึงขั้นได้รับการขนานนามว่าคือ “มาเก๊าแห่งลุ่มน้ำโขง” และเป็นสวรรค์ของนักเสี่ยงโชค
...
ทีมข่าวขับรถวนสำรวจรอบๆ คิงส์โรมัน พบว่ารอบเมือง มีตึกขนาดใหญ่กว่า 30 ชั้น ลักษณะเหมือนคอนโด กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างหลายตึก โดยรอบเมืองแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า และสถานบันเทิง หากดูถนนในเมือง ต้องบอกว่า เมืองนี้คือเมืองใหญ่ที่มีความเจริญเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้ ป้ายข้อความต่างๆ ส่วนใหญ่ ระบุเป็นภาษาลาวและภาษาจีน
เราไปสำรวจหน้าตึกกาสิโนพบว่าพื้นที่ตรงนี้โอ่อ่าและมีขนาดใหญ่ ศิลปะการก่อสร้างตึกหน้ากาสิโน มีการผสมผสานด้วยความเป็นโรมันและจีนเข้าด้วยกัน หน้าตึกกาสิโน มีการขุดลอกคลองคล้ายกับเมืองเวนิส ประเทศอิตาลีเลยก็ว่าได้
เพื่อได้ข้อมูลที่ถูกต้องเราไปคุยกับ ผศ.ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งอาจารย์เคยเป็นผู้ศึกษาวิจัยเรื่องกาสิโนชายแดน
อ. ณัฐกร บอกว่า คิงส์โรมันคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ในประเทศลาว ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดย กลุ่มดอกงิ้วคำ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจีนที่มี นายจ้าว เหว่ย เป็นประธานใหญ่ โครงการนี้ได้เช่าพื้นที่ 99 ปี
ก่อนหน้านี้ นายจ้าว เหว่ย เคยลงทุนทำธุรกิจกาสิโนอยู่ในเมืองลา ประเทศเมียนมา แต่เนื่องจากขณะนั้นธุรกิจตามแนวชายแดนถูกเพ่งเล็งและถูกปราบปราม ทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงต้องมองหาที่ลงทุนใหม่ ในตอนแรก นายจ้าว เหว่ย สนใจที่จะลงทุนในพื้นที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย แต่ด้วยกฎหมายไทยไม่มีเงื่อนไขในการอนุญาตให้ทำกาสิโน จึงต้องไปหาฐานใหม่อยู่ที่ประเทศลาว บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวกัน 3 ประเทศ ทั้งไทย เมียนมา ลาว และการเดินทางจากจีนก็ไม่ได้ยากลำบากจนเกินไป
...
สำหรับการเข้ามาของกาสิโน เริ่มต้นเปิดในปี 2552 ตอนนั้นเป็นกาสิโนเล็กๆ แต่ตอนนี้เรียกได้ว่า พลิกโฉมจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นเมืองใหม่ มีตึกรามแบบยิ่งใหญ่ และไม่ได้มีเพียงแค่กาสิโน ยังมีการลงทุนเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ต้องมีการเชื้อเชิญนักลงทุนเข้ามาทำธุรกิจ ซึ่งบางครั้งนักลงทุนที่เข้ามา ไม่ได้ใช้พื้นที่ไปตามวัตถุประสงค์ของการลงทุน จนทำให้บางพื้นที่อาจกลายเป็นแหล่งรวมของอาชญากรรมไซเบอร์ ที่เข้ามาหาลู่ทางทำมาหากิน
...
จุดเปลี่ยนที่สำคัญในการเข้ามาของกลุ่มธุรกิจสีเทา อ. ณัฐกร บอกว่า จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือช่วงที่โควิด-19 ระบาด ช่วงนั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่สแกมเมอร์และอาชญากรข้ามชาติเริ่มย้ายถิ่นฐานเข้ามาใน สปป.ลาว ซึ่งมาพร้อมกับเรื่องของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงกลายเป็นโอกาสและช่องทางให้แก๊งเหล่านี้ ย้ายฐานมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
เช่น ช่วงที่เมืองสีหนุวิลล์ถูกปราบปรามในปี 2019 ช่วงนั้นรัฐบาลจีนปราบปรามล้างบางแก๊งอาชญากรรมจีนที่แพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง และส่งแรงกดดันต่อกัมพูชา จนรัฐบาลกัมพูชาประกาศในเดือน ส.ค. ปี 2019ให้การพนันออนไลน์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย กลุ่มทุนจีนจึงเริ่มถอนทุนออกจากสีหนุวิลล์ ทำให้กลุ่มทุนเหล่านี้ต้องหาสถานที่ใหม่ที่สะดวกกว่า ซึ่งจากข้อมูลที่ตัวเองสำรวจ พบการเคลื่อนย้าย จากสีหนุวิลล์มาที่คิงส์โรมันด้วย พอมีการย้ายเข้ามาของทุนจีน ก็มาพร้อมกับเรื่องของสแกมเมอร์และธุรกิจสีเทา ซึ่งทางการของประเทศลาวเอง ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการกวาดล้างกลุ่มเหล่านี้ไปแล้วหลายครั้ง แม้แต่สื่อทางการของตัวเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมันก็ยังรายงานเรื่องการปราบปรามแก๊งสีเทาเหล่านี้ด้วย
...
อ.ณัฐกร ยังบอกว่าก่อนหน้านี้ในจังหวัดเชียงใหม่เอง ก็เคยมีข่าวการเข้ามาของกลุ่มคนจีนจากคิงส์โรมัน และในเอกสารการเดินทางก็พบว่าคนจีนเหล่านี้มีการเดินทางเข้า-ออก จากกัมพูชาเป็นว่าเล่น โดยทุนเหล่านี้จะไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร เหมือนพูลวิลล่านอกเมืองเชียงใหม่ ใช้คนไทยเป็นนอมินีในการเช่า และจะอยู่แต่ในที่พักไม่ออกไปไหน
จึงกลายเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ จนมีพลเมืองดีไปให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ และหลายครั้งก็มีการตรวจพบว่า พูลวิลล่าบางแห่งในเชียงใหม่กลายเป็นศูนย์รวมของแก๊งเหล่านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจค้น พบอุปกรณ์ต่างๆ คล้ายกับเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์สาขาย่อยเลยก็ว่าได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการปราบปรามไปแล้ว