เตือนต้องชัด "กัน จอมพลัง" ถ้าเดินหน้ามูลนิธิต่อ ต้องแยกสัมพันธ์ส่วนตัวธรรมนัส “ทนายเกิดผล” ชี้ประชาชนส่วนใหญ่ตั้งความหวัง เมื่อเป็นมูลนิธิต้องทำให้โปร่งใสไม่มีคนการเมืองเข้ามาเอี่ยว
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 68 (วันนี้) “กัน จอมพลัง“ พร้อมด้วย อีฟ กาญจนา สถาวร ได้แถลงข่าวชี้แจงประเด็นเงินบริจาค รวมถึงราชกิจจานุเบกษา ข้อ 39 ที่เป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในสังคม
ต่อมา “ไอซ์ รักชนก ศรีนอก” และ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บุกเข้ากลางวงแถลง เพื่อสอบถามถึงกรณีที่กำลังเป็นข้อพิพาท เรื่องความสัมพันธ์กับคุณธรรมนัส และเรื่องการขอเงินบริจาคคืนนั้น
ทาง กัน จอมพลัง เผยว่า ตนสนิทกับคุณธรรมนัสจริง แต่ไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้ใคร ในขณะที่ทางคุณอีฟ กาญจนา โต้ว่า ตนรู้จักแค่คุณกัน จอมพลังเท่านั้น ไม่ได้รู้จักคุณธรรมนัสเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด
กรณีเรื่องเงินบริจาคที่กำลังเป็นข้อพิพาทในสังคม ผู้คนบางส่วนต้องการขอเงินบริจาคคืน เนื่องจากเข้าใจผิดมาตลอดว่าเงินที่บริจาคในนามของคุณกัน จอมพลังมาโดยตลอด โดยคุณกัน จอมพลัง ระบุว่า ขอไปปรึกษากันก่อน เดี๋ยววันจันทร์ให้ทางมูลนิธิตอบให้ว่าได้หรือไม่ได้
...
ทนายเกิดผล แก้วเกิด วิเคราะห์ถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างคุณกัน จอมพลัง และคุณธรรมนัส พรหมเผ่า ว่า กรณีนี้ มันมีภาพที่คุณกัน จอมพลัง และคุณธรรมนัส มีความสัมพันธ์กัน จึงปฏิเสธไม่ได้ และมีการลงราชกิจจานุเบกษาในข้อ 39 ไว้ว่าหากยกเลิกมูลนิธิจะโอนทรัพย์สินให้กับมูลนิธิธรรมนัส สิ่งนี้ทำให้มีคนตั้งข้อสังเกตว่า มีอะไรไม่ชอบมาพากลไหม ถ้าตามกฎหมายถือว่าไม่ได้ผิดอะไร เป็นเรื่องของมูลนิธิที่ต้องบริหารจัดการอย่างโปร่งใส เพราะเป็นการรับเงินบริจาคจากประชาชน
ฉะนั้น อะไรที่ประชาชนค้างคาใจก็ต้องเคลียร์ให้ขาวใสสะอาด หากเห็นว่ามีการบกพร่องหรือการเข้าใจผิด ให้รีบแก้ไขให้ชัดเจน หากถามว่าที่มาที่ไปมันลึกซึ้งกว่านั้นหรือเปล่า เราก็ไม่สามารถทราบได้ แต่ตราบใดที่ประชาชนยังสงสัยอยู่ ต้องเคลียร์ให้หายคาใจให้ได้
เรื่องตัดความสัมพันธ์ ส่วนตัวมองว่าอาจไม่ถึงขั้นนั้น แต่คงต้องเว้นระยะห่างไว้ และหากจะเปลี่ยนชื่อมูลนิธิในข้อ 39 ก็ย่อมทำได้ หากมีความเห็นพ้องตรงกัน ก็ต้องเปลี่ยนไปตามความเห็นชอบ
ทนายเกิดผล เผยว่า ตอนนี้ทุกคนมองว่ามูลนิธิเป็นของคุณกัน จอมพลัง ตั้งแต่ต้น แต่คุณกันปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็นผู้บริหาร ทุกคนเลยติดใจตรงนี้ว่า “คุณกันจะรับผิดชอบอย่างไรกับเรื่องนี้” เพราะฉะนั้นถ้าหากอยากให้มูลนิธิดำเนินต่อไป ส่วนตัวมองว่าคุณกันต้องเข้ามานั่งบริหารและรับผิดชอบร่วม จะลอยตัวไม่ได้ว่าถ้าเกิดการทุจริตหรือเกิดปัญหาขึ้นมา จะบอกว่าตนไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะคุณเป็นคนก่อตั้ง คุณก็ต้องเข้ามาบริหารจัดการแก้ไขปัญหาด้วยตัวคุณเอง หากเกิดความผิดพลาดในมูลนิธิ คุณก็ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้บริหาร
เรื่องการทำงานไม่มีใครติดใจหรอกว่าทำเต็มหน้าที่ไหม แต่เรื่องที่สังคมตั้งคำถามคือเรื่องความสัมพันธ์กับคุณธรรมนัส คุณกันจะเคลียร์ยังไงให้ทุกคนหายสงสัยในประเด็นนี้ ว่าไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง หรือมูลนิธิไม่มีความเกี่ยวข้องกับมูลนิธิธรรมนัส ซึ่งคุณต้องเลือกระหว่าง “ความสัมพันธ์กับคุณธรรมนัส” และ “สายตาประชาชน” เนื่องจากตอนนี้ประชาชนแยกไม่ออกว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเป็นเรื่องหน้าที่ ถ้าคุณเลือกหน้าที่ คุณก็ต้องทำให้ชัดเจน เพราะหากคุณแยกไม่ออก คนอาจมองว่าการจัดตั้งมูลนิธิในครั้งนี้ ทำเพื่อรองรับหรือเป็นตัวละครหนึ่งในเกมอะไรบางอย่างของคุณธรรมนัสหรือเปล่า
...
ด้าน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน เผยว่า ถ้าคุณกันชี้แจงก็จบแล้ว สังคมก็ตรวจสอบไป ในอนาคตคุณกันก็ดำเนินการต่างๆให้โปร่งใส จะได้ไม่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์อะไรต่อสังคมและเดินหน้าต่อไป
ส่วนเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งประธาน ส่วนตัวมองว่าเหมาะสม เพราะมูลนิธิเป็นชื่อเขา คุณกันจะเป็นหรือไม่เป็นประธาน หรือจะเป็นที่ปรึกษาเหมือนเดิม ก็ยังได้ เพราะประเด็นจริงๆ ไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ประเด็นอยู่ที่ ประชาชนเข้าใจว่าคุณกันเป็นประธาน ถ้าคุณกันชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก เรื่องนี้ก็จะไม่มีปัญหา เพราะเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
...