แหล่งใหม่แก๊งคอลฯ “ลาว” ย้ายฐานมาจากกัมพูชา กลอุบายหลอกทำบัญชีม้า นิยมชักชวนคู่สามี-ภรรยา พอถูกปิดบัญชีลอยแพ ค้ามนุษย์ เปิดภารกิจช่วยเหยื่อไทยพ้นขุมนรก
ทีมข่าว SEE TRUE พร้อม นายสุรชาติ ผิวแดง อาสาสมัครมูลนิธิ IMF ได้คุยกับคนที่ถูกหลอกให้ไปสแกนหน้าฝั่งลาว โดยผู้หญิงอายุ 26 ปี ผู้ชาย 23 ปี ทั้ง 2 คน ขอความช่วยเหลือบอกว่า “อยากจะกลับไทย“ แต่ถูกกักบริเวณไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ทางฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งทั้งสองบอกว่า “ตัวเองจะหนีออกจากจุดนั้นเช้ามืดของวันนี้”
กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ (23 ต.ค. 2568) ทั้งสองคนตัดสินใจเดินทางหลบหนีออกจากขุมนรก ใช้เรือข้ามฟากจากลาวมาไทย ทันทีที่เจอนายสุรชาติ ทั้งสองคน บอกว่ารู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินไทย ซึ่งนายสุรชาติก็จ่ายค่าเรือให้กับทั้งสอง เพราะแต่ละคนไม่มีเงินติดตัวกลับมาเลย
ทีม SEE TRUE เปิดใจคุยกับทั้งสองคน เล่าให้ฟังบอกว่า ตัวเองเดินทางไปที่ลาวตั้งแต่คืนวันที่ 21 ตุลาคม โดยใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งจะอยู่ในลาวได้ 3 วันวันนี้ (23 ต.ค. 68) บัตรเดินทางก็จะหมดอายุพอดี เมื่อคืนนี้ตัวเองรู้สึกกลัวและอยากจะกลับบ้าน จึงตัดสินใจออกจากโรงแรมในลาวที่หัวหน้าแก๊งชาวจีนพาตัวเองไปอาศัยอยู่ที่นั่น โดยออกมาตั้งแต่ช่วงตี 3 เพื่อเดินทางมาที่ริมแม่น้ำโขงระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากเดินทางออกจากโรงแรมได้เจอแท็กซี่คันหนึ่งจึงโบกเรียก และให้แท็กซี่คันดังกล่าวไปส่งที่ ตม. ลาว หลังจากที่ตม.ฝั่งลาวเปิดในช่วง 6 โมงเช้า ได้ทำการปั๊มหนังสือเดินทาง ตัวเองจึงรีบขอความช่วยเหลือให้เรือมาส่งฝั่งไทยให้เร็วที่สุด
...
จุดเริ่มต้นที่ข้ามไปฝั่งลาว ทั้ง 2 คนบอกว่า ชุมชนที่ตัวเองอยู่มีพี่ที่สนิทกัน ชักชวนให้เอาบัญชีไปร่วมลงทุนด้วยกัน ซึ่งตัวเองไม่รู้ว่านี่คือการหลอกให้ไปเป็นบัญชีม้า โดยตัวเองมีบัญชีทั้งหมด 2 บัญชี แฟนหนุ่มอีก 3 บัญชี รวม 5 บัญชี หัวหน้ากลุ่มฝั่งไทยเสนอเงินให้แก่ตัวเองและแฟน 3 หมื่นบาท โดยบอกว่าจะต้องข้ามไปฝั่งลาว 3 วัน 2 คืน ตัวเองกับแฟนหนุ่มจึงตัดสินใจเดินทางไป สปป.ลาว เท่าที่ทราบตอนนี้มีเหยื่ออยู่หลายคน ซึ่งขบวนการยังอ้างว่าถ้าไปถึงประเทศลาว สแกนหน้าและทำบัญชีผ่าน ก็จะได้เงินกลับมาไทยทันที แต่พอไปถึงมันไม่เป็นตามที่เขาวาดฝันไว้
หลังจากที่ไปถึงลาว ตัวเองถูกยึดสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็ม ท้ายที่สุดสมุดบัญชีของตัวเองและแฟนก็ถูกระงับ ซึ่งทางกลุ่มขบวนการที่เป็นคนลาว มีบอสเป็นคนจีนได้มาบอกว่า “บัญชีใช้ไม่ได้” ตอนนั้นตัวเองก็บอกไปว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นขอกลับไทยดีกว่า” แต่กลุ่มขบวนการไม่ยอม บอกว่าถ้าอยากกลับไทยต้องหาเงินมาชดใช้จำนวน 12,000 บาท ซึ่งตอนนั้นตัวเองกลัวจะถูกนำตัวไปขายต่อ เพราะขบวนการมีการข่มขู่ แต่ท้ายที่สุดเธอและแฟนหนุ่มสามารถเดินทางออกมาถึงไทยได้สำเร็จ
นอกจากเคสนี้ SEE TRUE ไปได้พยานคนสำคัญอีกคน คือ คุณเอ (นามสมมติ) เขาถือเป็นผู้เสียหายที่ถูกล่อลวงเข้าไปเป็นแก๊งคอลฯ ฝั่งลาวใกล้กาสิโนคิงส์โรมัน ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จุดที่เขาถูกนำไปกักบริเวณอยู่ไม่ห่างจากจุดที่สองสามีภรรยาถูกหลอกไปเปิดบัญชีม้า
โดย SEE TRUE ได้เข้าพูดคุยกับเอ เขาบอกว่า ได้เข้าสู่วังวนแก๊งคอลฯ ฝั่งลาว ในระยะสั้นๆ หลังจากที่มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งล่อลวงให้เข้าไปทำงานเทรดหุ้น แต่พอข้ามไปถึงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถูกผันตัวเข้าแก๊งสแกมเมอร์คอลเซนเตอร์ฝั่งลาว
ถูกจับขังในห้องเล็กๆ บนตึก 5 ชั้นใกล้กับคิงส์โรมัน ก่อนที่ เอ จะหลบหนีมาได้ เพราะวันนั้นเป็นวันที่ตำรวจลาวเข้ากวาดล้างแก๊งคอลฯ พอดี เขาจึงหนีออกมาลงเรือข้ามโขงกลับไทย โดยมีเพื่อนคนไทยคนหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้นให้ความช่วยเหลือ
เอ บอกกับทีมข่าวอีกว่า หลังกลับมาเมืองไทย เขา กลายเป็นผู้ต้องหาเปิดบัญชีม้าหลายคดี ต้องเดินทางไปขึ้นศาล พบพนักงานสอบสวนหลายพื้นที่ ทั้งๆ ที่ฐานะก็ไม่ได้ดีอะไร เมื่อเรื่องบานปลายขนาดนี้ เขาจึงยอมทยอยจ่ายเงินให้กับคนที่ถูกหลอกโอนเงินเข้าบัญชีม้าของเขา เพื่อให้เรื่องหนักเป็นเบา
...
ด้านนายสุรชาติ บอกด้วยว่า ทุกวันนี้กล้าพูดเต็มปากว่าแก๊งคอลฯ จากเขมร ได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ทางลาวและภาคเหนือของไทยแล้ว อาจเป็นเพราะถูกปราบปรามจากหลายๆ แหล่ง ซึ่งวัดได้จากจำนวนตัวเลขคนรู้จักที่ถูกหลอกไปเปิดบัญชีม้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นเชียงราย เชียงใหม่ โดนกันถ้วนหน้า
โดยทีมงาน SEE TRUE ยังได้ลงพื้นที่บุก สปป.ลาว พบอาคารที่เอยืนยันกับเราว่า เขาถูกนำตัวมากักบริเวณไว้ที่นี่ บรรยากาศวันที่ทีมงานลงพื้นที่เงียบสงบ มีเพียงคนจีนอาศัยอยู่ รปภ.คุมเข้ม ภายในลักษณะคล้ายกับหมู่บ้านจีนริมแม่น้ำโขง ซึ่งทีม SEE TRUE ยังได้ไปสำรวจบรรยากาศทางฝั่งของกาสิโนคิงส์โรมันด้วย โดย SEE TRUE ตอนนี้จะว่าด้วยเรื่องของการย้ายฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเขมรมาฝั่งลาว ติดตามจากรายการ SEE TRUE ทางรายการไทยรัฐนิวส์โชว์เร็วๆ นี้
...