คนละครึ่งพลัส ลงทะเบียนสิทธิ์เต็มภายในวันเดียว นักวิชาการ คาดกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมแค่ 0.01%ชี้พายุหมุนเศรษฐกิจ ถ้าไม่เกิดรอบนี้ ไทยเสี่ยงรั้งท้ายอาเซียน

ลงทะเบียน คนละครึ่งพลัส วันแรก 20 ต.ค. 2568 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. รัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนกดรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" แล้ว โดยโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อลดรายจ่ายให้ประชาชนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และสร้างรายได้แก่ร้านค้ารายย่อย นำไปสู่การกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย 

เมื่อเวลา 09.10 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการเปิดลงทะเบียน โครงการคนละครึ่งพลัส ว่า เราอยากจะเห็นพี่น้องประชาชนมาลงทะเบียนจำนวนมาก เพราะเป็นโครงการที่ดี เป็นประโยชน์กับประชาชน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เตรียมเฟส 2 ไว้แล้ว พร้อมยืนยันว่าอะไรที่เป็นประโยชน์เราทำให้หมด


คนละครึ่งพลัส ได้ผลดีแต่กระตุ้นเศรษฐกิจน้อย

...


แม้มีการลงทะเบียน คนละครึ่งพลัส ที่สิทธิ์ลงทะเบียนหมดในวันเดียว ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า คนละครึ่งพลัสในเฟสนี้ได้ผลตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในด้านประชาชนทั่วไป ซึ่งวันนี้ (20 ต.ค. 68) เป็นวันแรกของการลงทะเบียน เห็นได้ว่า ประชาชนลงทะเบียนเกือบครบ 20 ล้านสิทธิ์ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้แล้ว และคาดว่าจะหมดภายในวันนี้ ส่วนความหวังของผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบ เพียงแค่ว่าจะได้รับผลกระทบเท่าไหร่แค่นั้นเอง

โครงการคนละครึ่งพลัส รัฐบาลมีงบประมาณทั้งสิ้น 44,000 ล้านบาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.01% ของรายได้ประชาชาติ เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 20,000 ล้านบาท

เดิม โครงการคนละครึ่งในปี 2564 ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้งบประมาณทั้งสิ้น200,000 ล้านบาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.3%-0.4% ของรายได้ประชาชาติ หากคนละครึ่งพลัสในครั้งนี้ ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากกว่าเดิม อาจต้องเพิ่มงบประมาณจากเดิม 44,000 ล้านบาท เป็น 100,000 - 200,000 ล้านบาท ถึงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และค่าGDP เพิ่มขึ้นเป็น 0.4%-0.5%

รศ.ดร.อัทธ์ เผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ที่ 0.8% ของ GDP หากโครงการนี้ไม่เป็นผล อาจส่งผลให้ต่ำลงมากถึง 0.5% ซึ่งจะต่ำที่สุดในประเทศอาเซียน โดยคาดว่าไตรมาสที่ 3 จะลดลงอย่างแน่นอน เนื่องจากดัชนีการบริโภคและผลผลิตทางอุตสาหกรรมลดลง

เดิม ไตรมาสที่ 1 ค่า GDP ของประเทศไทยอยู่ที่ 3.2% ไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 2.8% และไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.3%-2.5% เนื่องจากไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไม่สงบสุขของชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ผู้คนไม่กล้าออกไปจับจ่ายใช้สอย และไตรมาสที่ 4 คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นฟูจากโครงการนี้มากขึ้น หากไม่เป็นไปตามเป้า อาจต้องประคับประคองในไตรมาสนี้

รศ.ดร.อัทธ์ เผยว่า รัฐบาลควรคิดนโยบายใหม่ไว้ โดยเป็นนโยบายที่สามารถทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น หากต้องการทำให้เศรษฐกิจมีความก้าวหน้าและเติบโตขึ้น ส่วนตัวมองว่าไม่ควรจะเป็นนโยบายที่แจกเงินแล้ว แต่อยากเห็นโครงการใหม่ที่สร้างเงินและสร้างงานให้กับประเทศชาติจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องของการลดภาระหนี้ของครัวเรือนไทย ซึ่งควรทำทั้งสามโครงการนี้ไปพร้อมๆ กัน ผมคิดว่าการวางรากฐานไว้สำหรับอนาคตตั้งแต่ตอนนี้ จะเป็นต้นทุนที่ดีให้กับรัฐบาล

...


TDRI ชี้ ไทยกระตุ้นเศรษฐกิจเกินความจำเป็น


ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เผยว่า ตอนนี้นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มเยอะเกินไป ในขณะที่ผลลัพธ์ที่ได้เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ควรจะเน้นนโยบายไปเรื่องของภาพระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้าง การปฏิรูปภาษี และการพัฒนาและยกระดับตลาดแรงงาน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้คือปัญหาพื้นฐานที่ถูกคุยกันมาอย่างยาวนานแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง


“ปัจจุบัน ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในช่วงการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ทุกรัฐบาลชอบกระตุ้นเศรษฐกิจกัน ท้ายที่สุด ประสิทธิภาพและประสิทธิผลมันน้อยลงเรื่อยๆ หากปล่อยต่อไปอาจเกิดอันตราย”


...

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. เว็บไซต์ www.คนละครึ่งพลัส.com ขึ้นข้อความมีผู้ลงทะเบียนครบตามวงเงินสิทธิ์ ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-31 ธ.ค.68 เวลา 06.00-23.00 น.