เทียบชั้น 2 เจ้าพ่อสแกมเมอร์ “เฉิน จื้อ” – “ก๊ก อาน” ผู้มากบารมี ที่มีอายุห่างกันถึง 34 ปี แต่ถือเป็นกระเป๋าเงินสำคัญให้กับตระกูลฮุน ในกัมพูชา แม้ที่มาทั้งคู่จะต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมในการไต่เต้าจากธุรกิจท้องถิ่น ก่อนก้าวมาสู่เครือข่ายสีเทาในโลกไซเบอร์
จากกรณีที่เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติในกัมพูชา ชื่อของ “เฉิน จื้อ” และ “ก๊ก อาน” ถูกจับตามองในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และบุคคลระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชาอย่าง “สมเด็จฯ ฮุนเซน” โดยทั้งคู่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การหลอกลวงออนไลน์ และการฟอกเงิน โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทำความรู้จัก “เฉิน จื้อ - ก๊ก อาน” สองสแกมเมอร์รายใหญ่ ผู้อยู่เบื้องหลังสมเด็จฯ ฮุนเซน
เฉิน จื้อ (Chen Zhi) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Vincent” อายุ 37 ปี สัญชาติสหราชอาณาจักร เกิดในปี 1987 ที่มณฑลฝูเจี้ยน ดำรงตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ต่อมาเขาได้เป็นที่ปรึกษาให้กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี และดำรงตำแหน่งเดียวกันต่อเนื่องในสมัยของ ฮุนมาเนต
...
ส่วน ก๊ก อาน (Kok An) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ออกญา ก๊ก อาน อายุ 71 ปี ชาวกัมพูชาเชื้อสายจีน ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกในพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) และเป็นบุคคลใกล้ชิดของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับบรรดาศักดิ์เป็น "ออกญา" เขาเริ่มต้นจากนักธุรกิจพื้นถิ่นในจังหวัดเกาะกง ก่อนก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีระดับต้นของประเทศ
ทั้งสองคนถูกมองว่ามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนอำนาจของสมเด็จฯ ฮุนเซนมายาวนาน ผ่านทั้งช่องทางเศรษฐกิจ การเมือง และอิทธิพลนอกระบบ โดยเฉพาะในยุคที่กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากเส้นทางเจ้าของธุรกิจ สู่เครือข่ายสแกมเมอร์ออนไลน์
เฉิน จื้อ เริ่มตั้งต้นอาชีพด้วยการเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เล็กๆ ในบ้านเกิด ก่อนเปิดบริษัทแรก คือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในกรุงพนมเปญ ในปี 2011 ต่อมาในปี 2015 เขาก่อตั้ง Prince Group พร้อมขยายฐานธุรกิจและอุตสาหกรรมไปตามเมืองต่างๆ หลายสิบแห่งในกว่า 30 ประเทศ ซึ่งมีทั้งธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน การธนาคาร ซึ่งมีการก่อตั้งธนาคาร Prince เป็นธนาคารพาณิชย์ในกัมพูชาเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2018
ขณะเดียวกัน ทางด้าน ก๊ก อาน เริ่มต้นจากทำธุรกิจพื้นถิ่นในจังหวัดเกาะกง ก่อนก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีระดับต้นของประเทศ ครอบคลุมทั้งโรงแรม คาสิโน ตึกพักอาศัย ธุรกิจบุหรี่ ประมง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึง “Crown Casino” และอาคารสูงในปอยเปตที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นศูนย์บัญชาการเครือข่ายสีเทาที่ใช้หลอกลวงคนไทย
โดยทั้งสองคนถือว่าเป็นสแกมเมอร์รายใหญ่ในกัมพูชาที่กำลังถูกจับตามองจากสังคมทั้งโลก เนื่องจากทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงและการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่สามารถมองข้ามได้
ความยิ่งใหญ่ที่มิอาจเทียบ
เฉิน จื้อ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าของสีหนุวิลล์ จากเมืองตากอากาศชายทะเลที่เงียบเหงาและทรุดโทรม ให้กลายเป็นเมืองแห่งคาสิโนที่เต็มไปด้วยแสงสี จนเริ่มขยายธุรกิจไปในภาคส่วนอื่นๆ เช่น คอนโดมิเนียม ซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์การค้าหลายแห่งในพนมเปญ รวมถึงเปิดธนาคารเล็กๆ ในฐานะสถาบันการเงินรายย่อยภาคเอกชน
โดยในปี 2017 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากระทรวงความมั่นคงภายในกัมพูชาในยุคของ ซาร์ เค็ง (Sar Kheng) รัฐมนตรีที่นั่งเก้าอี้กระทรวงความมั่นคงภายในยาวนานตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปี 2023 นอกจากนี้ เขายังเคยเป็นที่ปรึกษา สมเด็จฯ ฮุนเซน โดยได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญทางการทูต เช่น เดินทางไปคิวบากับ สมเด็จฯ ฮุนเซน หรือให้ความช่วยเหลือกับลาว
...
ขณะเดียวกัน ทางด้าน ก๊ก อาน ถือเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในแวดวงของกัมพูชาเช่นกัน ภายใต้ฉายา “เจ้าพ่อปอยเปต” เนื่องจากเป็นหนึ่งในสิบคนที่ร่ำรวยที่สุดในกัมพูชา โดยมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ และมีส่วนเชื่อมโยงกับการขับไล่ที่ดิน การหลอกลวงทางไซเบอร์ และการค้ามนุษย์ จนมีฉายาว่า “เจ้าพ่อแห่งการพนัน” และเขายังมีส่วนสำคัญในการจ่ายเงิน 50 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลของสมเด็จฯ ฮุนเซนจ่ายให้กับรัฐบาลไทยเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดจากเหตุจลาจลที่เผาทำลายสถานทูตและอาคารบริษัทของไทยเมื่อต้นปี 2003
จาก “นักธุรกิจรายใหญ่” สู่ “ผู้ต้องหาระดับชาติ”
เฉิน จื้อ ถูกตั้งข้อหาดำเนินการค่ายบังคับใช้แรงงานในกัมพูชา โดยใช้คนงานที่ถูกค้ามนุษย์ฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล กวาดทรัพย์สินเหยื่อรวมหลายพันล้านดอลลาร์ โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า เฉิน จื้อ เป็นหน้าฉากขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย พร้อมยื่นคำร้องริบทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นบิตคอยน์ (Bitcoin) ประมาณ 127,271 เหรียญ หรือมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามราคาปัจจุบัน
ทั้งนี้ เฉิน จื้อ ยังถูกกล่าวหาว่าชักใยการดำเนินงานสถานที่บังคับใช้แรงงานหรือฐานปฏิบัติการสแกมเมอร์ทั่วกัมพูชา เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นศูนย์รวมการ “ฉ้อโกง” ที่มีการบังคับใช้แรงงานชาวต่างชาติ ซึ่งถูกล่อลวงเข้ามาทำงาน และถูกกักขังโดยไม่สมัครใจ ในกัมพูชา ด้วยกลวิธีฉ้อโกงให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือที่เรียกว่า “การหลอกลวงแบบเชือดหมู” (Pig Butchering Scam) สามารถดูดเงิน “เหยื่อ” ได้หลายพันล้านดอลลาร์จากสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก
...
ขณะที่ ก๊ก อาน ถูกออกหมายจับจากไทย ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และฟอกเงิน เนื่องจากเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียในระดับสูงของเว็บไซต์พนันดังกล่าว
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยพบหลักฐานว่า นาย ก๊ก อาน ไม่เพียงเป็นเจ้าของอาคารให้ขบวนการหลอกลวงออนไลน์ใช้ก่อเหตุเท่านั้น แต่ยังเชื่อว่ามีส่วนร่วมทั้งทางตรงและทางอ้อม รู้ถึงจุดประสงค์ เจตนา อันเป็นการจัดการ สั่งการ ช่วยเหลือ ยุยง อำนวยความสะดวก หรือให้คำปรึกษาในการกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งผลการตรวจค้นเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 68 สามารถตรวจยึดรถยนต์หรูหลายคัน พร้อมกับยึดอายัดเงินจำนวน 27 ล้านบาท
ปัจจุบัน ทั้งเฉิน จื้อ และ ก๊ก อาน ยังคงหลบหนีคดีและยังไม่สามารถจับกุมได้ ท่ามกลางแรงกดดันจากประชาคมโลกที่เรียกร้องให้มีการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติระดับสูง