สปสช. ค้างหนี้โรงพยาบาล เปิดเหตุรายจ่ายพุ่งส่งต่อคนไข้ "คลินิกอบอุ่น" ดิ้นหาทางรอด

สปสช. ค้างหนี้โรงพยาบาล เปิดเหตุรายจ่ายพุ่งส่งต่อคนไข้ "คลินิกอบอุ่น" ดิ้นหาทางรอด พบช่องโหว่ส่วนใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ

จุดเริ่มจาก นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการค้างชำระของ สปสช. เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 68 ว่า ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.68 รพ.มงกุฎวัฒนะ จำเป็นต้องหยุดให้บริการผู้ป่วยนอก หรือ โอพีดี แก่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไม่ชำระหนี้ค่ารักษาพยาบาลข้ามหลายปีงบประมาณ จนมียอดสะสมมากกว่า 100 ล้านบาทแล้ว

ทั้งนี้ สปสช. ไม่มีท่าทีแสดงความใส่ใจ ไม่จริงจัง ไม่รับผิดชอบต่อการแก้ปัญหาหนี้สินค้างชำระจำนวนมากข้ามปีงบประมาณ ผลักภาระให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองตกอยู่กับ รพ.มงกุฎวัฒนะ จน รพ.ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถหมุนเงินเพื่อจ่ายค่าแพทย์ บุคลากร ค่ายา ฯลฯ

รพ.มงกุฎวัฒนะ พยายามประคับประคองด้วยการให้ผู้ป่วยกัดฟันพึ่งตนเอง สำรองจ่ายค่ายาราคา รพ.รัฐเองตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.68 ที่ผ่านมา แต่ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา สปสช. ก็ยังคงเพิกเฉย นิ่งเฉยต่อปัญหา

ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.68 รพ.มงกุฎวัฒนะ จึงจำเป็นต้องหยุดให้บริการผู้ป่วยนอก หรือ โอพีดี แก่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้แถลงเรื่องนี้ว่า ปกติการจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลจะมีแบบ 1. เหมาจ่ายรายหัว โดยปีนี้เราได้คนละ 4,100 บาทเป็นเบี้ยประกัน ตอนนี้มีสมาชิกอยู่ 17 ล้านคน 2. จ่ายตามผลงาน เช่น มีคนไข้ในนอนค้างคืน โดยจะมีการจ่ายเดือนละครั้ง ดังนั้น การที่บอกว่า สปสช. เป็นหนี้ทุกโรงพยาบาลจริง โดยจะเป็นการคำนวณจากอัตราการใช้บริการก่อนหน้านี้ และนำมาคำนวณว่าต้องใช้งบประมาณในปีถัดไปเท่าไหร่ ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นจะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนไข้ที่ใช้สิทธิ

นายกฯ ชี้ สปสช. ติดหนี้แทบทุกโรงพยาบาล

หลังมีประเด็นการค้างชำระเงินให้กับโรงพยาบาล วันนี้ 9 ต.ค. 68 นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สปสช. ติดหนี้แทบทุกโรงพยาบาล รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการนำเสนอที่จะของบฯ กลางเพื่อเข้ามาเคลียร์บัญชีล้างหนี้ โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในการพิจารณาของสำนักงบประมาณ หากพบว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน เข้าเกณฑ์จะเร่งดำเนินการให้ทันที

คนไข้ส่งต่อโอพีรีเฟอร์ ต้นทุนที่ถูกมองข้าม

กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงโรงพยาบาลดังกล่าว แต่ยังมีโรงพยาบาลอีกหลายแห่งโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ก็ประสบปัญหา ทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง นายนิมิตร์ เทียนอุดม กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ในฐานะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ให้ข้อมูลว่า กรณีโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ต้องไปดูในรายละเอียดเชิงลึก เพราะถ้าบอกว่าในกลุ่มของผู้ป่วยนอกOPD (Out-Patient Department) ที่ขึ้นสิทธิ์กับโรงพยาบาลโดยตรงระบบประกันสุขภาพก็จะมีวิธีการจ่ายเงินให้ไปแล้ว เช่น ค่าเหมาจ่ายรายหัวผู้ป่วยนอก ส่วนการจ่ายตามรายการซึ่งถ้ามีคนมาใช้บริการ จะมาดูว่าแต่ละรายการมีรายจ่ายเท่าไหร่ ถ้าเป็นผู้ใช้สิทธิกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ไม่มีการค้างชำระ

อีกส่วนที่มีปัญหามากในพื้นที่กรุงเทพฯ คือการใช้โอพีรีเฟอร์ (op refer) บริการนอกหน่วยบริการประจำ กรณีรักษาส่งต่อหน่วยบริการ ซึ่งเป็นหน่วยบริการอื่น เช่นคลินิกอบอุ่น มีการรีเฟอร์มาที่โรงพยาบาล แต่ก็มีกติกาข้อจำกัดวงเงินในการรักษา แล้วถ้าเกินจากเลทที่ตั้งไว้ระบบตรงกลางของ สปสช. เป็นผู้จ่าย มีการกันเงินตรงกลางนี้ไว้เพื่อจ่าย ดังนั้น เงินส่วนที่มีการค้างชำระจะเป็นเงินในส่วนที่คลินิกต้องจ่าย โดยคลินิกอาจไปเจอระบบขาดดุล

ถ้ามองปัญหาในเรื่องการจ่ายเงินของผู้ป่วยโอพีรีเฟอร์ (op refer) ในภาพรวมมีหลายโรงพยาบาลที่ประสบปัญหาเหมือนกัน เพราะแต่ละโรงพยาบาลมีเลทที่ไม่เท่ากัน เช่นถ้าไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ในสังกัดของมหาวิทยาลัยจะคิดแพงกว่าโรงพยาบาลรัฐ แต่ถ้าไปโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่นอกเครือข่ายกับคลินิกนั้นก็จะคิดอีกราคาหนึ่ง เลยทำให้เงินที่จะไปจ่ายให้กับผู้ป่วยโอพีรีเฟอร์ ของแต่ละโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนแต่ละแห่งเป็นหนี้ไม่เท่ากัน

โดยเฉพาะ สปสช. พื้นที่กรุงเทพฯ ต้องไปสร้างความเป็นธรรมให้กับคลินิกอบอุ่นด้วย ขณะเดียวกันควรมีการปรับเปลี่ยนวิธีการคิดโอพีรีเฟอร์ (op refer) ที่มักไม่ค่อยเป็นปัญหาในจังหวัดอื่น เพราะการรีเฟอร์ส่วนใหญ่จะเป็นภายในหน่วยบริการกระทรวงสาธารณสุข แต่พอในพื้นที่กรุงเทพฯ จะไม่ค่อยมีหน่วยบริการสาธารณสุข เลยทำให้คลินิกอบอุ่น ก็ต้องไปดิ้นหาทางรอดตายกันเอง

ดังนั้น สปสช. พื้นที่กรุงเทพฯ, ผู้ว่าฯ กทม. และรัฐบาลต้องลงมาแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างด้วยกัน ว่าเมื่อชวนคลินิกเอกชนมาร่วมรับบริการ แล้วเขาเกินขีดความสามารถจนต้องส่งต่อ ต้องสร้างเครือข่ายหน่วยบริการที่มีขีดความสามารถ ซึ่งคิดในราคาที่เป็นธรรม เพื่อมารับการส่งต่อคนไข้จากคลินิกอบอุ่นได้อย่างไร แต่ที่ผ่านมา สปสช. กรุงเทพฯ ไม่สามารถแก้ได้ ด้านกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นภาระหน้าที่