สังเวยปิดด่าน ปริศนาตายหลังคุย 6 ชั่วโมง ช่วยหนุ่มไทยในกัมพูชาไม่ทัน "ทีมช่วยเหลือ” เผยเบื้องลึก รพ.ปฏิเสธรักษา ชี้มีคนไทยให้ช่วยเหลือกลับประเทศอีกจำนวนมาก

คุณเบิร์ด เจ้าหน้าที่ ศูนย์ประสานช่วยเหลือ คนไทยในต่างแดน ภาคตะวันออก ได้โพสต์ภาพในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการช่วยเหลือหนุ่มไทย ที่เร่รอนอยู่ในปอยเปต กัมพูชา ว่า เป็นสองภาพที่เจ็บปวดใจผมมากที่สุด ผมวิดีโอคอลคุยกับน้องแล้วรับปากน้องว่า ผมจะพาน้องกลับไทย


น้องป่วยแทบลุกไม่ขึ้น ผมแจ้งว่าให้น้องไปที่หน้าด่านไปหาเจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชา เพื่อขอเขา และแจ้งเขาว่าขอกลับประเทศไทย ตามภาพที่เห็นผมหดหู่มากน้องป่วยจนแทบลุกไม่ขึ้นน้องยังเดินไปสภาพกางเกงตัวเดียวเพื่อที่จะไปขอกลับประเทศไทย นั่นคือแรงพลังสุดท้ายของกำลังใจที่จะฮึดสู้เพื่อที่จะเดินไปขอกลับเข้าสู่แผ่นดินไทย แต่น้องก็โดนปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่กัมพูชาว่าไม่มีเอกสารไม่ให้กลับ ผมเข้าใจได้ครับว่าไม่มีเอกสารติดตัว ก่อนต่อมาชายไทยดังกล่าวจะเสียชีวิตข้างถนนที่กัมพูชา

...

การเสียชีวิตของชายไทย ที่มีข้อมูลว่าเป็นอดีตเชฟในเรือสำราญ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง คุณเบิร์ด เจ้าหน้าที่ ศูนย์ประสานช่วยเหลือ คนไทยในต่างแดน ภาคตะวันออก ที่กำลังรอรับศพอยู่บริเวณด่านชายแดนสระแก้ว ว่า ตอนแรกที่ได้รับรายงานและช่วยเหลือคนไทยที่เร่ร่อนอยู่ฝั่งกัมพูชา เริ่มแรกเราไม่รู้ว่าเขามีประวัติเป็นอดีตเชฟในเรือสำราญ แต่มีการประสานมาที่ศูนย์ประมาณ 8.30 น. เมื่อวาน (7 ต.ค.68) โดยทีมงานฝั่งปอยเปต กัมพูชา แจ้งว่ามีชายไทยป่วย มีอาการปวดท้อง แน่นหน้าอก หายใจติดขัด ก็เลยขอเปิดวิดีโอคอลเพื่อให้เห็นน้อง โดยการคุยถามตอบรู้เรื่องทั้งหมด แต่ไม่มีบัตรประชาชน และหนังสือเดินทาง


เลยประสานให้ทีมงานคนไทยที่ไปเจอ ให้ส่งชื่อนามสกุลมาแล้วจะได้ประกาศตามหาญาติ และเมื่อได้ชื่อก็ประสานกับทีมงานฝั่งกัมพูชา ให้พาไปโรงพยาบาล ฝั่งปอยเปต กัมพูชา พอสักพักทีมงานก็โทรมาบอกว่าไปมาแล้ว แต่โรงพยาบาลไม่รับรักษา เพราะไม่มีเอกสารและไม่มีเงิน หลังจากนั้นก็บอกให้ขับรถพาน้องมาที่หน้าด่าน โดยเราจะรออยู่บริเวณหน้าด่านไทย แต่ก็ไม่ให้ข้ามเพราะปิดด่าน ไม่มีเอกสารยืนยันตัวตน เป็นภาพน่าเศร้ามากที่น้องเดินเข้าไปในด่าน ต้องเดินกลับมาฝั่งกัมพูชา หลังจากนั้นน้องก็ต้องเดินกลับมานอนที่เดิม แล้วเสียชีวิตประมาณ 15.00 น. เมื่อวาน (7 ต.ค.68)

ต้นสายปลายเหตุของหนุ่มคนดังกล่าวจากที่ฟังจากแม่คือ เขาเป็นเชฟในเรือสำราญ โดยจะมีการเซ็นสัญญาลงเรือ โดยช่วงที่ขึ้นฝั่งที่กัมพูชา คาดว่าที่เมืองสีหนุวิลล์ กัมพูชา อาจเป็นช่วงที่หมดสัญญาทำให้ต้องเร่ร่อนไม่มีงาน หรืออาจถูกหลอกมาทำคอลเซ็นเตอร์ เพราะเท่าที่เช็กล่าสุด พบว่าน้องถูกแจ้งความที่ สน.พญาไท เกี่ยวกับการฉ้อโกงบัญชีม้า แต่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะถ้าทำงานเป็นเชฟรายได้ดี แต่อยู่ ๆ มีชื่อโผล่มามีคดีบัญชีม้า


“ตอนวิดีโอคอลคุยกัน น้องไม่ได้มีอาการผิดปกติ ดวงตาสดใส จะมีแค่อาการหายใจติดขัด แต่ก็ยังลุกเดินไปหน้าด่านได้ เลยกลายเป็นข้อสงสัยว่า ทำไมผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเขาถึงตาย ซึ่งการไม่รับรักษาของโรงพยาบาลกัมพูชา ไม่ใช่เคสแรกที่เคยเจอ แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่รับรักษาเพราะคนไข้ไม่มีเงิน ประกอบกับโรงพยาบาลมีแต่ภาษากัมพูชา น้องอาจไม่รู้ว่าเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนก็เข้าไป”


...

ปิดด่านชายแดนไทย กัมพูชา มีคนติดค้างอีกเพียบ


คุณเบิร์ด เจ้าหน้าที่ ศูนย์ประสานช่วยเหลือ คนไทยในต่างแดน ภาคตะวันออก เล่าให้ทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ ฟังต่อว่า ที่ผ่านมาการช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างอยู่ฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะคนที่ถูกหลอกโดยแก๊งคอลเซนเตอร์ จะไม่มีปัญหาเหมือนหลังจากการปิดด่าน เนื่องจากไทย กัมพูชา ไม่เคยมีปัญหามาก่อนหน้านี้

ต่อให้มีการปิดด่านช่วงโควิดระบาด เมื่อมีเคสที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือป่วยฉุกเฉินเรายังสามารถประสานออกมาจากกัมพูชา ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่พอมีภาวะสงคราม ความขัดแย้งกันของทั้งสองประเทศ ทำให้ด่านถูกปิดตาม ทำให้หลักมนุษยธรรมมันเลยไม่มี

...


“ผมกล้าพูดได้เลยว่าถ้าไทย กัมพูชา ไม่มีปัญหากัน ต่อให้ด่านปิดผมก็สามารถนำออกมาได้จำนวนมาก แต่พอมีสงครามก็มีการอ้างว่าฝั่งไทยไม่เปิดด่าน แล้วตอนนี้ฝั่งกัมพูชา ก็มีหลายแห่งที่ไม่รับเงินไทย”

เคสน้องผู้ชายที่เสียชีวิตถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ ผมอยากให้ทั้งสองประเทศเห็นถึงมนุษยธรรม ทุกคนบนโลกใบนี้คือมนุษยธรรม ที่จะต้องส่งเขากลับประเทศต้นทางก่อน ส่วนถ้าจะทำผิดดำเนินคดีหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ตอนนี้ก็มีคนไทยประสานขอความช่วยเหลือมาเรื่อยๆ อย่างเมื่อวานก็มีมาไม่ต่ำกว่า 7 เคส ดังนั้นถ้าทั้งสองประเทศไม่มีการประสานความร่วมมือกัน ก็จะทำให้มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างกรณีของน้องผู้ชายรายนี้อีก