โครงการ "สุขกาย สบายกระเป๋า” เริ่ม 28 ต.ค.นี้ คนไข้ รพ.เอกชน เลือกได้ว่าจะไปซื้อยาภายนอก รพ.เอกชนกว่า 300 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการ
กรมการค้าภายใน (DIT) ร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน MoU โครงการ ”สุขกาย สบายกระเป๋า” โดยมีการหารืออย่างรอบคอบในทุกด้าน ระดมความคิดเห็นจากแพทย์ เภสัชกร และหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อให้คนไข้ทราบราคายาและสามารถเลือกซื้อยาจากร้านขายยาข้างนอกได้ ย้ำสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ห้องประชุมกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลและท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่มอบนโยบาย Quick Big Win ในการลดค่าครองชีพประชาชน กรมการค้าภายใน (DIT)ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน จัดประชุมเพื่อยกระดับการให้บริการและขอความร่วมมือจากเครือข่ายโรงพยาบาลต่างๆ
...
ในการแจงรายละเอียดราคายา และเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อยาจากร้านขายยาข้างนอกได้ ภายใต้โครงการ "สุขกายสบายกระเป๋า”
ก่อนหน้านี้ มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการ 5 เครือ จาก 11 เครือ แต่ปัจจุบันได้รับความสนใจเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 9 เครือ และยังมีโรงพยาบาลอื่นที่ไม่ได้สังกัดเครืออีกหลายแห่งเข้าร่วม ทำให้จำนวนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง จากสมาชิก 354 แห่ง ได้แก่ เครือ BDMS (ดุสิตเวชการ อาทิ รพ.กรุงเทพ รพ.พญาไท เป็นต้น) เครือโรงพยาบาลธนบุรี เครือ BCH (กลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลการุญเวช) เครือบางปะกอก-ปิยะเวช เครือรามคำแหง-วิภาราม เครือ PCL (พริ๊นซิเพิล) เครือจุฬารัตน์ เครือนวมินทร์ และเครือสินแพทย์ และโรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลบีแคร์ เป็นต้น
พร้อมเข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านในการปฏิบัติร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “สุขกาย สบายกระเป๋า” เพื่อยกระดับความร่วมมือในการเปิดเผยค่ายาในโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงเพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วยสามารถเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้
“โดยความร่วมมือดังกล่าวเป็นการยกระดับการให้บริการผู้บริโภค ในการขอทราบราคายาและเลือกซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้”
โดยถือเป็น Quick Big Win MOU มุ่งให้โรงพยาบาลเอกชนช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ขั้นตอนต่อไป DIT และ อย. จะต้องเตรียมความพร้อมในการกำหนดคุณสมบัติและลงทะเบียนร้านขายยาที่มีกว่า20,000 แห่ง ซึ่งจะประชุมในวันที่ 10 ตุลาคม 68 นี้ โดยหลังจากมีการหารือกันทุกด้านแล้วจะเริ่ม Kick off โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ในวันที่ 28 ตุลาคม 2568 และหลังจากนั้นทุกโรงพยาบาลและร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการจะมีป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อใช้บริการได้อย่างทั่วถึงต่อไป
“ในการแสดงรายละเอียดของโรงพยาบาล จะมีรายการยาและค่ายาอย่างชัดเจนในใบแจ้งค่าใช้จ่าย ใบแจ้งหนี้ หรือใบเสร็จรับเงิน เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาได้ และจะได้รับใบสั่งยาเพื่อไปเลือกซื้อยาจากร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการภายนอกโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล โดยทุกฝ่ายจะมีการร่วมมือประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสิทธิในการรับบริการและการเลือกซื้อยาให้ทั่วถึง โดยในเฟสต่อไปจะขยายความร่วมมือไปยังคลินิกต่าง ๆ และเข้าไปดูแลเรื่องมีโครงสร้างราคาต้นทุนยาให้เหมาะสมและเป็นธรรม DIT ย้ำว่าแผนนี้มุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสม”
...
วันนี้กรมการค้าภายใน ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดทำ MOU เพื่อเปิดเผยราคายาก่อนการซื้อ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก โดยเน้นให้ประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทย สามารถเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ของโรงพยาบาลในกรณีเร่งด่วนหรือฉุกเฉินได้ แต่ยังคงเลือกซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้
“ความร่วมมือของทุกฝ่ายในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือเพื่อวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน คือ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เพิ่มทางเลือก และยกระดับความร่วมมือในการให้บริการของโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการในโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น และช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลภาครัฐในภาพรวม"