"น้องข้าวต้ม" เปิดต้นเหตุ ขาหลังบาดเจ็บ พื้นที่ทางชัน มีหลุมยุบ ลูกช้างป่าถูกทิ้งกลางทาง ร่างกายอ่อนแอ สัมผัสแรกฟื้นร่างกายด้วยน้ำข้าวก่อนพาออกมาพักฟื้น
"น้องข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลงจากแม่ ที่ทองผาภูมิ บาดเจ็บที่บริเวณขาหลัง เผยต้นเหตุอาจเกิดจากอาการอ่อนแอและถูกฝูงทิ้ง เบื้องต้น ทีมสัตวแพทย์ย้ายไปดูแลต่อที่บึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบช้างป่าตกลูกในพื้นที่ทำกิน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบและเฝ้าติดตามร่วมกับเครือข่ายผลักดันช้างป่า
จนกระทั่งวานนี้ (22 กันยายน 2568) ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู พร้อมด้วยทีมสัตวแพทย์ นำ"น้องข้าวต้ม" ช้างป่าพลัดหลงที่ทองผาภูมิ กาญจนบุรี เคลื่อนย้ายไปรักษาต่อที่ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี ช่วงค่ำเมื่อวาน โดยนายมานะ เพิ่มพูล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้เปิดเผยถึงต้นเหตุของลูกช้างป่าพลัดหลง คาดว่าช้างฝูงนี้อพยพมาจากอุทยานแห่งชาติไทรโยค เดินข้ามผ่านแม่น้ำแควน้อย หลังจากที่ช้างได้ข้ามฝั่งมาแล้ว ช้างได้ทำการอพยพมาอยู่บริเวณลำคลองงูและเขื่อนศรีนครินทร์ โดยมีแนวโน้มว่าช้างอาจหาที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งช้างมีพฤติกรรมที่เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ซึ่งโขลงช้างในพื้นที่มีการแบ่งเป็นโขลงย่อย 3 ส่วน ดังนี้
...
ส่วนที่หนึ่ง โขลงช้างได้เดินไปตามทาง จนถึงเขตอุทยานสัตว์ป่า เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้พบร่องรอยของการเดินเข้าออกของช้าง
ส่วนที่สอง โขลงช้างได้เดินไปติดรอยต่อของเขาแหลม จ.กาญจนบุรี จากการประเมิน มีแนวโน้มว่าโขลงช้างกำลังหาทางเข้าไปยังป่าใหญ่
ส่วนที่สาม โขลงช้างเดินเข้าห้วยตรงคลองงู แต่เมื่อข้ามไปแล้วกลับไม่พบที่อยู่ใหม่ ทำให้ช้างเดินวนและอาศัยอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ คือบริเวณจุดศูนย์กลางของอุทยานแห่งชาติคลองงู ซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้กับแหล่งทำกินของผู้คนในชุมชนโดยรอบ
อีกพฤติกรรมที่เขาให้ลูกช้างถูกทิ้งคือ เมื่อช้างถึงฤดูผสมพันธุ์ โดยธรรมชาติของช้าง ช้างจะต้องหาพื้นที่หรือบริเวณที่สันโดษ ที่คิดว่าจะสามารถคลอดลูกได้ แต่เมื่อช้างคลอดลูกใกล้แหล่งทำกินของผู้คนในชุมชน ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นไม่ปลอดภัย
โดยธรรมชาติ ช้างเป็นสัตว์เข้าสังคม แต่เนื่องด้วยพื้นที่บริเวณนั้นเป็นภูมิประเทศแบบหินปูน มีหลุมยุบตัว ดังนั้น พื้นที่แห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ที่สัตว์ประเภทนี้อยู่อาศัยค่อนข้างยาก ทำให้ช้างต้องพบเจอปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะช่วงเวลาฝนตก สาเหตุนี้ อาจทำให้แม่ช้างจำเป็นต้องทิ้งลูกช้างไว้ และตัวลูกช้างอาจเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม จนได้รับบาดเจ็บบริเวณขาหลัง และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ลูกช้างทราบแล้วว่าแม่ของเขาไม่กลับมา ทางเครือข่ายที่ช่วยเฝ้าระวังและผลักดันเรื่องช้างป่า รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ ก็เข้ามาช่วยเหลือ
การฟื้นฟูร่างกายลูกช้าง เมื่อเจอลูกช้างเจ้าหน้าที่ให้น้ำข้าว ทำให้ลูกช้างเริ่มรู้สึกตัวและมีแรงมากขึ้น ทางทีมสัตวแพทย์ได้เข้ารับการช่วยเหลือ และดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการประเมินสุขภาพ หลังจากนี้จะทำการตรวจเพื่อหาเชื้อต่างๆ และเตรียมหาทางสนับสนุนในเรื่องของน้ำนมแม่ที่ได้จากธรรมชาติ เพื่อให้ลูกช้างได้มีภูมิต้านทาน จากนั้นทีมแพทย์จะประเมินอีกครั้งว่าช้างต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายช้างมาอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด และอยู่ในที่ที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
การช่วยเหลือช้างถือว่ามีความจำเป็น เนื่องจากสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ที่มีคุณค่าทางสังคมและบ้านเมือง ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่เป็นช้างงา ช้างสงคราม และช้างลากไม้ และวันนี้ เขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่อุทยานแห่งชาติต้องดูแล โดยในปัจจุบัน ช้างในจังหวัดกาญจนบุรี มีทั้งหมดประมาณ 907 ตัว
ปัจจุบัน พื้นที่อุทยานทั้งหมดในประเทศไทย ยังมีช้างป่าอยู่ และมีเครือข่ายดูแลผลักดันช้างป่า จำนวน 40ชุด เพื่อเฝ้าระวัง รวมถึงมีการพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการจัดทำแผนระดับจังหวัด และมีแนวโน้มให้ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคการผลิตที่มีประสิทธิภาพเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อพัฒนากองทุนในการดูแลช้าง เช่น กล้องเตือนภัยแบบ AI ที่จับภาพเฉพาะภาพช้างเพื่อเตือนภัย และแสวงหาแนวทางในการกักกันช้างให้ออกจากพื้นที่
...
โดยขอความร่วมมือจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และร่วมออกแบบให้เหมาะสมกับภูมิประเทศและพื้นที่สังคมที่อยู่ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้กับชุมชน ภายใต้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่า เพื่อนำรายได้มาช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้าง กลายมาเป็นผู้รับรายได้ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม จากกิจกรรมที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือช้างป่า และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศสัตว์ป่าที่จะเกิดขึ้น
ผลตรวจน้องล่าสุด
ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้
...
ตรวจประเมินอายุ ประมาณ 1 สัปดาห์ น้ำหนัก 118 กิโลกรัม
ตรวจร่างกาย พบข้อเท้าหน้าทั้งสองข้างงอ ไม่สามารถเหยียดตรงได้ และมีอาการเจ็บเมื่อจับบริเวณสะโพก
• X-ray ไม่พบการแตกหัก กระดูกโดยรวมเรียงตัวปกติ ยกเว้นสะโพกที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้ชัดเจนจากภาพเอกซเรย์
• Ultrasound ไม่พบความผิดปกติที่ข้อเท้าหน้า แต่ตรวจพบเอ็นมีลักษณะผิดปกติ และที่สะโพกขวาพบการอักเสบ มีลักษณะ Hematoma (เลือดคั่งในเนื้อเยื่อ) ที่สะโพกข้างขวา
• เจาะเลือดตรวจสุขภาพและโรคสำคัญซึ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว
สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น
...