อายัดบัญชีธนาคาร ปมโยงบัญชีม้า ร้านค้าผวาเงินโอน “สภาผู้บริโภค” ชี้แบงก์มีข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า ไม่ควรแก้ปัญหาล่าช้า ด้านพนักงานสอบสวนโอดสุดมึนอายัดปลอม
กรณีที่ผู้ค้าออนไลน์บางรายถูกอายัดบัญชี โดยมีการอ้างว่าข้องเกี่ยวกับบัญชีม้า ซึ่งมีการอ้างว่ากรณีที่เกิดขึ้นเกิดจาก มิจฉาชีพที่ถือบัญชีม้าต้องการหลอกเหยื่อด้วยออกอุบายให้โอนมายังแม่ค้าออนไลน์รายนี้ก่อน และหลังจากนั้นจึงหลอกให้เหยื่อโอนไปยังบัญชีม้าของตนเอง ทำให้เมื่อมีการร้องเรียน จึงมีการโยงไปถึงผู้ค้าออนไลน์ที่เหยื่อโอนให้ในครั้งแรก เลยมีการแจ้งความเพื่ออายัดบัญชี ซึ่งหลังจากนั้นผู้ค้าดังกล่าวได้พยายามยื่นเรื่องเพื่อปลดล็อกการอายัดบัญชี แต่ก็ต้องใช้เวลานาน
ขณะเดียวกันมีพ่อค้าแม่ค้า และผู้ค้าออนไลน์หลายรายประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ทำให้คนในโลกโซเชียลหวั่นวิตก จนผู้ค้าบางส่วนเริ่มจะถอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งประชุมเพื่อหาทางแก้ไขซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า เป็นมาตรการป้องกันบัญชีม้าตามมาตรการใหม่ที่ได้ดำเนินการมาแล้วบางส่วน เบื้องต้นเร่งประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป
...
สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค มองปัญหาที่เกิดขึ้นว่า มาตรการอายัดบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย มุ่งเน้นให้เงินไม่ไหลออกจากบัญชีม้าและเข้าบัญชีม้า กลับอีกมาตรการคือ การไม่ให้ผู้สูงอายุและเด็กโอนเงินเกิน 50,000 บาทต่อวัน ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรกระทบคนอื่น เช่นแม่ค้าออนไลน์ หรือพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปที่รับโอนเงินอยู่เป็นประจำ
แต่ด้วยพระราชกำหนดเรื่องไซเบอร์ฉบับที่สอง มีการกำหนดให้ธนาคารและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ต้องรับผิดชอบ หากมีกรณีบัญชีม้าเกิดขึ้น แต่โดยทั่วไปธนาคารก็จะมีข้อมูลของลูกค้า เช่นหากเป็นคนขายของก็จะมีเงินเข้าออกอยู่เป็นประจำในการค้าขายปกติทั่วไป ซึ่งแบงก์ก็จะรู้พฤติกรรมเหล่านี้ของผู้ใช้บริการ
แต่ปกติแล้วบัญชีม้าทั้งบัญชีม้าดำและบัญชีม้าเทาจะถูกอายัดบัญชีแล้วทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมใดได้ แต่กรณีของแม่ค้าออนไลน์ที่ถูกอายัดบัญชี ต้องไปตรวจสอบการทำงานของธนาคาร เพราะปกติธนาคารจะรู้ว่าลูกค้าของตัวเองทำอาชีพอะไรบ้าง
กรณีที่เกิดขึ้นในการอายัดบัญชี ที่เป็นบัญชีม้าควรมีมาตรการตรวจสอบที่รวดเร็วมากขึ้นไม่ควรรอเวลา สามวันในการตรวจสอบ ขณะเดียวกันก็ไม่ควรสร้างภาระให้กับผู้ที่ถูกอายัดบัญชี โดยการที่ต้องเดินทางไปยังโรงพักที่ถูกแจ้งความว่าถูกอายัดบัญชี ซึ่งทำให้ผู้ที่ถูกอายัดมีค่าเดินทาง
ขณะเดียวกันอีกมาตรการหนึ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจคือ การระบุเบอร์โทรศัพท์ของผู้เปิดบัญชี จะบันทึกไว้ในบัญชีธนาคารนั้น สามารถตรวจสอบได้ว่าบัญชีนั้นเป็นของบุคคลใด และสามารถตรวจสอบพฤติกรรมได้ว่ามีความเกี่ยวโยงกับบัญชีม้าหรือไม่
กรณีที่เกิดขึ้นก็น่าสนใจว่าแบงก์อาจวิตกกังวลเกินไปทำให้ต้องอายัดบัญชีของคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ที่ผ่านมาแบงก์ชาติพยายามช่วยเหลือผู้บริโภคไม่ให้ถูกบัญชีม้าละเมิดสิทธิ
ขณะเดียวกันปัญหาที่เกิดขึ้นก็มีส่วนมาจากการทำงานของตำรวจที่ต้องมีการมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน จากข้อกฎหมายที่เพิ่งบัญญัติใหม่เป้าหมายจริงๆ คือต้องการควบคุมไม่ให้กระทบกับผู้สูงอายุและเด็ก แต่คนอื่นเช่นผู้ค้าขายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มวัยกลางคนไม่ควรได้รับผลกระทบกับการอายัดบัญชีม้าเหล่านี้
กรณีที่เกิดขึ้นไม่อยากจะให้ผู้ค้าวิตกกังวลไปถอนเงินออกจากบัญชีเพราะว่าสุดท้ายแล้วหากเกิดอะไรขึ้นธนาคารก็ต้องรับผิดชอบเราอยู่ดีดังนั้นการถอนเงินออกมาก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
อายัดบัญชี ธนาคารควรทบทวนไม่ใช่โยนให้ตำรวจ
ด้านข้อมูลจากเพจ พนักงานสอบสวนหญิง ได้โพสต์สะท้อนการทำงานของตำรวจว่า 1441 อายัดบัญชี ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่รู้สี่รู้แปด แค่โทรบอกว่าโดนโกงก็อายัด
อายัดแบบคนอายัดคือใคร กรูก็ไม่รู้ แต่เสือกรู้ชื่อว่า กรูเป็นร้อยเวรโรงพัก และเป็นโรงพักที่ใกล้ สะดวก ที่ผู้เสียหาย จะมาให้ปากคำ แจกเบอร์โทรส่วนตัว ผู้เสียหายโทรจิกยิ่งกว่าผัว เพราะอยากได้ตังค์คืน ยังไม่พอ ว่าที่ผู้ต้องหา อ่อ ตอนนี้อาจจะเป็น “คนดี” ที่แบงก์ชาติเค้าว่า ที่โดน มิจฉาชีพ มันแจกบัญชีให้ ผู้เสียหายโอนตังค์เข้าทดลองทำภารกิจด่านแรก และโอนคืนให้ ถูกอ้างว่าเป็น ม้าแถว 1 เลยเดือดร้อนกัน อายัดเร็วไม่ว่า ถอนอายัดนี่สุด ที่สุดของเจ๋ จะยากไปไหน ไม่ได้มีคดีเดียวนะจ๊ะ ในมือ พนักงานสอบสวนคดีออนไลน์ คนหนึ่งนี้เป็นพัน เออบ่นแล้วบ่นอีก นับเอาไปประเมินผลการทำงานยังไม่ได้ ไม่อยู่ในระบบ CRIMES เพราะไม่ได้ตัดเลขเป็น เลขรับคดี
...
ปัญหามันยุ่งตั้งแต่ สอท. ให้ ศปอส.ตร.แจกคดีมาโรงพักละ และแจกเบอร์โทรศัพท์ร้อยเวร ไม่ต้องมีวันเข้าเวรออกเวร โทรตั้งแต่ตีอะไรไม่รู้ จนดึกดื่น ก็โทร ค่าโอทีรับโทรศัพท์ หลวงก็ไม่ได้จ่าย มือถือกรูก็ซื้อเอง เน็ตก็เติมเอง แถมยังต้องมาถ่ายเอกสารให้ คนดี ที่โดนหลอก แถมเป็นความผิดต่อส่วนตัวด้วยนะจ๊ะ ปลดอายัดก็ไม่ได้ ความเครียดมวลมหาศาลมาตกที่ร้อยเวรโรงพัก คนอายัดก็เอาท์สอร์ท ขอให้โทรมาอายัด จะโดนหลอกจริงไม่หลอกจริง หรือสมรู้ร่วมคิด “คนดี” แบบใด ไม่รู้
แต่จะให้ดี บัญชีต่างๆ ธนาคารรู้ได้เลยว่ามีเงินเข้าออกผิดปกติยังไง ให้มีเงินเยอะมีเงินน้อย เงินหมุนเพียงเสี้ยววินาที ไปมอนิเตอร์ตรงนั้น บล๊อคเงินตรงนั้น กฎหมายให้ธนาคารรับผิดชอบไม่ใช่ให้ “พนักงานสอบสวนรับผิดชอบ” ทำนะจ๊ะ
ไม่ใช่มาบอกอะไรก็มาหา “ตำรวจ” และยังไม่พอ “ตำรวจ สอท.” ที่มีหน้าที่เฉพาะ ก็ไม่ได้ทำทุกคดีเลือกคดีใหญ่ๆ ไปทำ ทิ้งงานให้ “พนักงานสอบสวนโรงพัก” ที่รบกับ Street Crime ยังไม่พอ ต้องรบกับ Cyber Crime อีก
เศรษฐกิจมันโตด้วยเงิน ถ้าคุมเงินให้อยู่ในประเทศไม่ได้ รับรองมีเจ๊ง คุมธนาคารไม่ได้ คุมเงินไม่ได้ เงินไหลออกนอกประเทศ ไทยแลนด์ อาจเป็นเวเนซุเอลา และปกปิดข่าวสาร อาจจะเป็น เนปาล2
ส่วนเราก็ก้มหน้าก้มตาทำสำนวนไป ทับท่วมพื้นที่ไปหมด ยิ่งกว่าน้ำท่วม กรรมของกรู