การเมืองไทยเข้าสู่จุดอับ พรรคประชาชนประกาศโหวต "อนุทิน” เป็นนายกฯ จับขั้วรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรคเพื่อไทย พร้อมประกาศยุบฯ สภา

จากสถานการณ์การเมืองไทยหลังการพ้นจากตำแหน่งของ แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองอย่างรุนแรง และนำมาสู่เหตุการณ์สำคัญหลายประการดังนี้



ไทม์ไลน์ทางการเมืองหลังแพทองธารพ้นตำแหน่ง


...

• 29 สิงหาคม 2568: ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที พร้อมคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เนื่องจากถูกมองว่ากระทำการที่ขัดต่อจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งผลจากคำวินิจฉัยนี้ทำให้ ครม. ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ต้องรักษาการต่อไปจนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่



การรวมตัวของพรรคประชาชนและภูมิใจไทย


• 3 กันยายน 2568: ในสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ได้เนื่องจากอยู่ในภาวะสับสน พรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่มีจำนวน สส. มากที่สุดในสภา 143 เสียง ได้แถลงมติของคณะกรรมการบริหารพรรค โดยมีมติ


สนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32

• เงื่อนไขในการโหวต: พรรคประชาชนได้กำหนด 3 เงื่อนไขหลักในการสนับสนุนนายอนุทิน ได้แก่

◦ นายกฯ คนใหม่ต้อง ยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

◦ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องจัดให้มีการทำ ประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับก่อนการเลือกตั้งใหม่

◦ พรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมเป็นคณะรัฐมนตรี โดยจะทำหน้าที่ ฝ่ายค้าน และตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่



พรรคเพื่อไทยตัดสินใจยุบสภา

...


• หลังการประกาศมติของพรรคประชาชนที่เลือกนายอนุทิน พรรคเพื่อไทยได้พิจารณาแนวทางเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกดดันให้โหวตเลือกนายกฯ จากพรรคอื่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองและอำนาจของพรรคในระยะยาว

• พรรคเพื่อไทยได้ชี้แจงว่า การยุบสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้มีการคืนอำนาจสู่ประชาชนโดยเร็วที่สุด

• สาเหตุหลัก: การตัดสินใจยุบสภาของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้เป็นไปเพื่อ สกัดกั้นการโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ ที่อาจไม่เป็นไปตามทิศทางของพรรค และเป็นแนวทางในการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคเชื่อว่าจะสามารถกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้งหากประชาชนยังคงให้การสนับสนุน