พรรคประชาชน กับดักจับขั้วโหวตนายกฯ เงื่อนไขแก้ รธน. ไม่จบ 4 เดือน ยื้อเวลาฝ่าไม่ผ่านด่าน สว. "นักวิชาการ" ชี้ พรรคประชาชนต้องชัดเจน เลิกเล่นบทพระเอก ก่อนถูกหลอกซ้ำไม่ว่าเลือกฝั่งไหน

วันนี้ (30 ส.ค. 68) ช่วงเวลาบ่าย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ออกมายืนยันถึงการเข้าร่วมโหวตนายกฯ ซึ่งพรรคถือเป็นตัวแปรสำคัญ ที่มีการยื่นข้อเสนอพร้อมโหวตนายกฯ ให้ แต่จะไม่เข้าร่วมเป็นรัฐบาล ขณะเดียวกันต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภาฯ ในกรอบ 4 เดือน โดยระบุว่า แม้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเข้ามาคุยที่พรรคประชาชนแล้ว แต่ยังไม่ตัดสินใจ เพราะต้องรอการประชุมของสมาชิกพรรคประชาชนในวันจันทร์ที่ 1 ก.ย. 68 ช่วงบ่าย แม้ก่อนหน้านี้มีบางพรรคอ้างว่า มีดีลลับกับบางพรรค แต่ขอยืนยันว่ายังไม่มี


รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ว่า การโหวตเลือกนายกคนที่ 32 ว่า จุดชี้ขาดการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็นกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่อยู่ในพรรค เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตอนนี้แตกออกเป็น 2 ฝั่ง ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็มีการแตกกลุ่มออกมาของ สส.

...

แต่ตัวแปรที่สำคัญคือ พรรคประชาชน ที่มีการเสนอเงื่อนไข แก้รัฐธรรมนูญ และยุบสภาภายใน 4 เดือน หากประเมินก็เป็นเงื่อนไขที่ไม่สามารถทำได้จริง เพราะในทางปฏิบัติการยุบสภาฯ ใน 4 เดือน และทำประชามติในครั้งแรกด้วยเงื่อนไขการจัดตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ในความเป็นจริงจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในการควบคุมคะแนนเสียงในการโหวตมติต่างๆ เนื่องจากเป็น "รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ซึ่งไปยังไงต่อถ้ารัฐบาลมีแค่ร้อยกว่าเสียง

การเสนอให้ยุบสภาฯ 4 เดือน การเสนอกฎหมายเป็นเรื่องยากมาก เพราะสมัยประชุมใกล้จะปิดแล้ว เลยทำให้มีระยะเวลาที่เหลื่อมกันในเรื่องวาระประชุมกับอายุของรัฐบาล


ตอนนี้พรรคประชาชน ต้องแสดงจุดยืนให้ชัด ว่าจะไปร่วมกับฝ่ายไหน แล้วต้องชัดเจนในการรับตำแหน่งกับพรรคที่ร่วมในการเป็นรัฐบาล เพื่อให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญ และนิรโทษกรรมตามแนวทางของพรรค ดีกว่าปล่อยให้เกิดการสร้างเงื่อนไข ที่เป็นไปได้ยากในความเป็นจริง แล้วประชาชนก็เกิดความสงสัยว่าเกิดดีลทางการเมืองหรือไม่

“ในห้วงเวลานี้พรรคประชาชนต้องชัดเจนว่าจะเลือกฝ่ายไหน ถ้ากลัวเสียงคะแนนกับแฟนคลับเรื่องยกมือโหวตให้คุณอนุทิน แล้วไม่เป็นรัฐบาล สุดท้ายก็จะมีปัญหาทางการเมืองตามมาอีก หรือถ้าวางตัวเป็นกลางก็ยืนยันชัดเจนว่าต้องยุบสภาเท่านั้น จะไม่ยกมือโหวตให้พรรคไหนเป็นนายกฯ เพราะสุดท้ายเมื่อเลือกนายกฯ ไม่ได้ก็ต้องทำการยุบสภา”



แก้รัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งปี


...

กรณีการยื่นข้อเสนอของพรรคประชาชน เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภาใน 4 เดือน รศ.ดร.ยุทธพร มองว่า เป็นกรอบเวลาที่ไม่สามารถทำได้ เพราะก่อนหน้านั้นมีพยายามแก้โดยตั้งคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในปี 2566 แต่พอมีการเสนอแก้กฎหมายให้มีประชามติในชั้น สส.ผ่านฉลุย แต่ไปติดอยู่ที่ชั้นการพิจารณาของ สว. เมื่อไม่ผ่านร่างนี้ก็ถูกพักไว้ 180 วัน หลังจากนั้น สส.ก็เอามาพิจารณาใหม่ จนตอนนี้ร่างนี้ได้รับการประกาศใช้

จะเห็นว่าเงื่อนไขที่ล่าช้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเพราะเงื่อนไขทางการเมือง จึงไม่ง่ายที่จะแล้วเสร็จภายใน 4 เดือน เพราะการตั้ง สสร. ต้องไปแก้กฎหมาย ม.256 ซึ่งต้องเสนอเข้าที่ประชุม 2 สภา โดย สว.ต้องเอาด้วย และการมี สสร. ต้องมีการทำประชามติ 2 – 3 ครั้ง โดยต้องใช้ระยะเวลากว่า 6 เดือน ที่ถือว่าเร็วสุด 

ขณะเดียวกัน ถ้าพรรคประชาชนโหวตให้กับพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ แล้ว ก็อาจมีแนวโน้มว่าการพิจารณาในกระบวนการของ สว. จะถูกยื้อให้นานขึ้นจากกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน เพื่อให้พรรคภูมิใจไทยยังเป็นรัฐบาลได้ในเวลาที่มากกว่า 4 เดือน ตามที่ได้ตกลงไว้ 

...


“มาถึงขั้นนี้ พรรคประชาชน ต้องเลือกสักทาง จะมาเล่นบทพระเอกอย่างเดียวในการโหวตให้ แล้วไม่เป็นรัฐบาลไม่ได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็อาจมีดิลลับ ที่ไม่ได้บอกกับประชาชนก็ได้”

แต่สุดท้าย ก็อย่ามองข้ามพรรคเพื่อไทย หากถ้ายังหาข้อสรุปไม่ได้ ก็อาจมีการยื่นเรื่องเพื่อยุบสภา แต่ประเด็นปัญหาคือ ผู้ที่จะนำทูลฯเกล้า ต้องเป็นนายกฯตัวจริงหรือคนที่รักษาการก็สามารถยื่นได้ ซึ่งกฎหมายก็ยังไม่ได้เขียนไว้ชัด