หลวงพ่ออลงกต พิรุธสวมเลขคนตายใบสุทธิ เงื่อนงำผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ "นักศาสนา" ชี้ถ้าสืบทราบมีเจตนายักยอกเข้าข่ายปาราชิก ที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีสวมเลข แต่เป็นพระต่างด้าว

กลายเป็นจักรวาลอีกข้อพิรุธ กรณีหลวงพ่ออลงกต แห่งวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี หลังมีประเด็นเรื่องเงินบริจาคกับหมอบี ไล่มาจนถึงการใช้ประโยชน์ในเงินบริจาค รวมถึงโครงการที่มีการกล่าวอ้างว่าได้ลงทุนในพื้นที่สองพันไร่ ที่เป็นชื่อของไวยาวัจกรคนเดิมที่เสียชีวิตไปแล้ว จนล่าสุดมีการตรวจสอบที่มาของหลวงพ่ออลงกต ในบัตรประชาชนและใบสุทธิ ซึ่งมีข้อพิรุธหลายอย่าง จนพบว่าในใบสุทธิหลวงพ่ออลงกต ได้นำเลขบัตรประชาชนของนายอลงกต พลมุข ที่เป็นข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วใน จ.พระนครศรีอยุธยา มาใส่ในใบสุทธิของหลวงพ่ออลงกต


ส่วนการตั้งข้อสังเกตในเรื่องของบัตรประชาชน กรมการปกครองได้ออกมาชี้แจงว่า เลขประจำตัว 13หลักในบัตรประชาชน ของหลวงพ่ออลงกต ที่มีชื่อจริงว่า "นายอลงกต พูลมุข" ไม่ได้ซ้ำกับข้าราชการที่เสียชีวิตที่ชื่อว่า "นายอลงกต พลมุข” แต่ก็มีประเด็นว่า ผู้ดูแลมูลนิธิของหลวงพ่อ ก็ใช้นามสกุลเดียวกับอดีตราชการที่เสียชีวิต

...


การที่หลวงพ่ออลงกต กรอกเลขบัตรประชาชนของอดีตราชการที่เสียชีวิตไปแล้วในใบสุทธิของตน ก็สร้างเงื่อนงำ และข้อพิรุธในวงการสงฆ์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการออกมาให้ข่าวของหลวงพ่ออลงกต

ด้านวันนี้ (25 ส.ค.68) สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ลพบุรี ออกมาให้ข้อมูลว่า หลวงพ่ออลงกต ใช้เลข 13หลักคนอื่นในใบสุทธิ เจตนาไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่ต้น โดยตามธรรมเนียมผู้บวชจะเป็นคนให้ข้อมูล ส่วนการผูกพร้อมเพย์ ต้องดูใครได้ประโยชน์

แหล่งข่าวในวงการสงฆ์ให้ข้อมูลว่า การที่ตัวเลขบัตรประชาชนที่กรอกในใบสุทธิของหลวงพ่ออลงกต ตรงกันมีลักษณะเหมือนสวมเลขบัตรประชาชนของคนตาย ส่อมีข้อพิรุธ ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่พระนำเลขบัตรประชาชนของคนตายมาสวมเป็นเลขบัตรประชาชนในใบสุทธิ เช่น เคยมีพระทางเหนือได้ไปหาเลขที่บัตรประชาชนของคนตาย เพื่อนำไปสวมในเลขบัตรประชาชน และนำไปกรอกและยืนยันในใบสุทธิ

กรณีหลวงพ่ออลงกต ที่เป็นพระผู้ใหญ่ น่าสนใจว่าท่านจะนำเลข 13 หลักของคนตายมาสวมในใบสุทธิ เพื่อใช้ทำอะไร แต่ถ้าดูในประเด็นการเป็นบุคคลต่างด้าวก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะมีการสืบว่าท่านเป็นคนไทยชัดเจน

ในเชิงของพระ ไม่มีกฎลงโทษที่กำหนดว่า ถ้ามีการนำเลข 13 หลักในบัตรประชาชนของคนตาย มาสวมในบัตรสุทธิของพระ จะมีโทษอาบัติปาราชิก แต่ปัจจุบันอาจมีความผิดทางกฎหมายของบ้านเมือง


ใบสุทธิ จะไม่มีผลในทางกฎหมายที่เกี่ยวกับทางโลกโดยตรง แต่จะใช้เป็นได้เฉพาะหลักฐานที่เกี่ยวกับสงฆ์ สิ่งนี้ทำให้คนที่บวช ถ้าต้องได้รับโอนทรัพย์สิน หรือที่ดินจะต้องมีเครือญาติที่ไว้ใจได้มารับโอนแทน

การที่สวมเลขบัตรประชาชนของคนตายมาไว้ในใบสุทธิ ในความเป็นพระแม้ยังไม่ถึงอาบัติปาราชิกโดยตรง แต่ก็ส่อให้เห็นถึงความคิดไม่ดี ทางสงฆ์ถือเป็นความเศร้าหมองที่ท่านหลอกตัวเองและหลอกชาวบ้านด้วย น่าสนใจว่าพระที่มีชื่อเสียง ก็มักจะมีผลประโยชน์เข้ามาเบื้องหลัง

...


ถ้ามีการสืบจนรู้ความจริงว่าเป็นการกระทำเพื่อหลอกลวงหวังผลประโยชน์ อาจมีผลต่อประวินัยถึงขั้นปาราชิก

หน่วยงานด้านพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักพุทธศาสนา เจ้าหน้าที่บางรายก็กินไปกับพระ เพราะมีผลพลอยได้ไปด้วย ซึ่งถ้ามีการทำงานตรวจสอบจริงจัง ก็น่าจะทำให้พระแต่ละวัดมีความโปร่งใสมากกว่านี้