นักวิชาการโบราณคดี เสนอทวงคืนทับหลัง ปราสาทตาเมือนธม จากอเมริกา ถูกขโมยไปตั้งแต่ พ.ศ.2514 ยืนยันว่าปราสาทอยู่ในเขตไทย 

ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ก่อนเกิดเหตุปะทะครั้งล่าสุด มีประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา ได้ใช้พื้นที่นี้ในการแสดงสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าของ จนสุดท้ายเกิดเหตุปะทะในพื้นที่รอบปราสาท แม้ฝั่งกัมพูชา จะพยายามสู้รบกับฝ่ายไทยอย่างหนัก แต่ไม่สามารถยึดครองตามที่กล่าวอ้างว่าเป็นเขตแดนของตนได้ โดยหลังจากหยุดยิง ทหารไทยประกาศ 11 จุดที่สามารถยึดครองได้ ซึ่ง ปราสาทตาเมือนธม เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่ยึดได้ จนล่าสุดมีการล้อมรั้วลวดหนาม เพื่อป้องกันการเข้ามาของทหารกัมพูชา


ดร.ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักวิชาการอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี และเป็นหัวหน้ากลุ่ม "สำนึก 300องค์" กล่าวว่า จากการสู้รบกันบริเวณชายแดนไทย-เขมร และมีการถกเถียงกันเรื่องดินแดนบริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หากมีการฟ้องร้องในเวทีนานาชาติ ไทยควรดำเนินการทวงคืนทับหลังจากปราสาทตาเมือนธม ซึ่งที่ผ่านมาเคยได้นำเสนอให้คณะกรรมการทวงคืนโบราณวัตถุของไทย แต่ถูกคัดค้าน เพราะกลัวมีความขัดแย้งกับกัมพูชา ทั้งที่ทับหลังนี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ปราสาทตาเมือนธม อยู่ในพื้นที่ของไทยมาตั้งแต่อดีต

...

ทับหลังปราสาทตาเมือนธม เป็นชิ้นที่สมบูรณ์มาก เพราะทับหลังในปราสาทตาเมือนธม หลงเหลืออยู่แค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียว ที่ไม่หักพังลงมาในยุคที่เขมรแดงมีการสู้รบ


ทับหลังชิ้นนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่า ปราสาทตาเมือนธม อยู่ในเขตแดนประเทศไทย และเพื่อให้นานาประเทศเห็นถึงหลักฐานสำคัญ ที่สามารถยืนยันในเวทีโลกและศาลโลกได้ว่า ทับหลังที่หายไป เดิมมีการบูรณะปราสาทตาเมือนธม แล้วนำทับหลังชิ้นดังกล่าวไปเก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

กรมศิลปากรเข้าไปบูรณะปราสาทตาเมือนธม ตั้งแต่พ.ศ 2534 ทับหลังชิ้นนี้ถูกขโมยออกจากตัวปราสาท มาก่อนถึง 20 ปี มจ.สุภัทรดิศ ศิสกุล ทรงถ่ายภาพ ทับหลังจากสถานีตำรวจ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และทรงเขียนบทความใน วารสารโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรไว้ เมื่อพ.ศ 2516



กรมศิลปากรไทย เคยเข้าไปขุดบูรณะปราสาทตาเมือนธม ซึ่งผมได้เป็นหนึ่งในทีมที่เข้าไปบูรณะ และมีการเก็บโบราณวัตถุของปราสาทไว้ที่พิพิธภัณฑ์ชั่วคราวบ้านหนองคันนา และปัจจุบันนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ ทั้งหมด

ผมอธิบายว่าเมื่อ ฮุน เซน ทำลายปราสาท และกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานไว้ รวมถึงได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน เข้าทำการบูรณะ ตอนบรรทม จึงควรอยู่ในการดูแล ของประเทศไทย ทับหลังเป็นเพียงชิ้นส่วนหนึ่งที่ถูกขโมย ออกจากตัวปราสาท หากได้กลับคืนมา ก็เป็นสิ่งที่สนับสนุน ความสมบูรณ์ของปราสาทตาเมือนธมมากขึ้น ทับหลังจึงไม่ใช่พระเอกที่จะนำไปยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทยในศาลโลก


...

ความเห็นส่วนต้ว ในอนาคตไม่ทราบว่าอีกกี่สิบ กี่ร้อยปี หากตกลงกันได้ว่าปราสาทตาเมือนธม จะอยู่ในประเทศไทยหรือกัมพูชา แต่เรื่องจริงทางวัฒนธรรมก็มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ ทับหลังที่ควรทวงคืนกลับมาเพราะ พิพิธภัณฑ์เมโทรโพริทันซื้อของโจรไป ก็ควรคืนมา ให้ประเทศต้นทาง ที่มีหลักฐาน การมีอยู่ของทับหลังก่อน ซึ่งปัจจุบันคือ ประเทศไทย ซึ่งยังคงมีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญอีกมากจากปราสาทตาเมือนธม จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตจังหวัดสุรินทร์

การลักลอบนำทับหลัง และสิงห์ ออกจากปราสาทตาเมือนธมไปขายเมื่อ พ.ศ. 2514 ไม่ได้เกิดจากฝีมือของเขมรแดง ตามแนวชายแดนของไทย หากทับหลังชิ้นนี้ถูกยึดมาก่อน พ.ศ.2514 ชึ่งยังอยู่ในรัฐบาลของนโรดม สีหนุ และอยู่ในระยะที่นายดักลาส แลสฟอร์ด เข้ามาซื้อขายโบราณวัตถุไทยแล้ว คงหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขาแน่