รอยต่อบ้านโดนเอาว์ ยุทธศาสตร์ตีตลบหลังทหารไทย จุดสำคัญหลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดล่าสุด พร้อมตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนกัมพูชา พิรุธหลายจุดแอบฝังใหม่ 

วันนี้ (9 ส.ค.68) เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ว่า กำลังพลของกองร้อยทหารราบที่ 111 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทางเพื่อเสริมความมั่นคง ในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์–บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ


ทำให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด, พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง และ พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ ตำแหน่งพลปืนเล็ก ได้รับแรงอัดและบาดเจ็บบริเวณแก้วหู

 

...


ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลในพื้นที่ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลทหารภาคสนาม และได้ส่งต่อ จ่าสิบเอก ธานี พาหา ไปยังโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน

แหล่งข่าวระดับสูงทางทหาร ที่ทำงานร่วมกับแนวหน้าระบุว่า จุดที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดล่าสุด อยู่บริเวณช่องโดนเอาว์ ห่างภูมะเขือ ประมาณ 1.8-2 กม. โดยจุดนี้จะเป็นเส้นทางเดินลาดตระเวน ไทยใช้ทหารลาบเข้าไปเคลียร์พื้นที่แล้วก่อนหน้านี้ 


ช่องโดนเอาว์ มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ เพราะอะไรที่เป็นช่องจะเป็นเส้นทางที่เข้ามาในแนวลึกของไทย ซึ่งถ้าฝ่ายตรงข้ามเข้ามาจะมาถึงที่มั่นทางทหารได้ 

ตอนนี้ทหารไทยตรึงตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะจุดที่เป็นช่องทางเดิน ต้องมีกำลังเข้ามาคอยตรวจสอบ ตั้งแต่ช่องบก ลงมาถึงกองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว ต้องมีกำลังทหารวางไว้หมด เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา จุดที่ไม่ใช่เขตปะทะคนก็อาจไม่รู้จัก แต่กำลังทหารต้องไปดักไว้ 


ด้วยยุทธวิธีการรบในเวลานี้ ถ้าฝ่ายตรงข้ามจะรุก อาจมีการหาช่องเพื่อเดินอ้อมมาตลบหลังฐานทหารของฝั่งไทย ทำให้ตอนนี้ทหารต้องทำการตรึงตลอดแนวชายแดน โดยช่องโดนเอาว์ ที่ล่าสุดทหารเหยียบกับระเบิด ฝ่ายตรงข้ามสามารถลักลอบเข้ามาเพื่อตีตลบหลังได้ 

ขณะที่กัมพูชา ก็ใช้ยุทธวิธีวางทุ่นระเบิด เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารไทยลาดตระเวนเข้าไปในจุดที่กัมพูชาวางกำลังอยู่ ซึ่งทหารแนวหน้าจะรู้ว่า ถ้าตรงไหนที่มีการวางระเบิดไว้ นั่นแสดงว่าทหารกัมพูชาไม่อยากให้เราเดินผ่านไปได้ ซึ่งนั่นอาจหมายถึงจุดยุทธศาสตร์สำคัญของฝ่ายตรงข้าม หรือพื้นที่นั้นทหารกัมพูชาไม่ต้องการรุกเข้ามา เลยวางทุ่นระเบิดเพื่อดักไว้ ซึ่งช่องโดนเอาว์ เป็นพื้นที่สำคัญ ที่จะเข้าถึงจุดยุทธศาสตร์

                  

 


กัมพูชาฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวา

 

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศเห็นได้ชัดว่า การใช้อาวุธต่อกันในพื้นที่ชายแดนยังคงมีอยู่ในลักษณะการซ่อนรูป และถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน

...

 

สอดคล้องกับการที่กองทัพบกได้รับรายงานเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่หน่วยทหารช่างได้ดำเนินการเคลียร์พื้นที่และเสริมความมั่นคงบริเวณภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเคยเป็นที่มั่นของฝ่ายทหารกัมพูชา

 

จากการตรวจสอบพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น โดย 16 ทุ่นบรรจุในกระสอบ ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด และ 2 ทุ่นวางแบบเร่งด่วนโดยไม่ฝังกลบ อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด หน่วยทหารช่างได้เก็บกู้ครบทั้ง 18 ทุ่นแล้ว นอกจากนี้ยังตรวจพบลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดและลูกจรวด RPG จำนวนมาก

 

โฆษกกองทัพบกระบุเพิ่มเติมว่า การกระทำดังกล่าวเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินมาตรการหยุดยิงและการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังตอกย้ำว่าที่ผ่านมา กัมพูชามีลักษณะเป็นฝ่ายริเริ่มใช้อาวุธก่อนมาโดยตลอด ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ดังกล่าว

 

 


4 ครั้งทหารไทยเหยียบกับระเบิด 

 

...

 

ครั้งที่ 1 : 16 กรกฎาคม 2568

ขาขาด 1 นาย (พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน)

บาดเจ็บรวม 3 นาย

 

📍เนิน 481 ช่องบก จ.อุบลราชธานี

 

ครั้งที่ 2 : 23 กรกฎาคม 2568

ขาขาด 1 ราย (จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญชูหล้า)

 

📍 ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี


ครั้งที่ 3 : 28 สิงหาคม 2568

ขาขาด 1 ราย (ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร)

 

📍 ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์


 

ครั้งที่ 4 : 9 สิงหาคม 2568

ขาขาด 1 ราย (จ.ส.อ.ธานี พาหา)

บาดเจ็บรวม 3 ราย

 

📍 รอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ