กัมพูชา เดินเกมนกสองหัว ดึง “จีน-อเมริกา” ร่วมวง GBC หักไทย สะเทือนภูมิรัฐศาสตร์อาเซียน นักวิชาการชี้ ไทยฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” สังหารผู้บริสุทธิ์ ประณามออกหมายจับ
หลังเจรจาหยุดยิง ไทย กัมพูชา เดิมมีกำหนดวัน 4 ส.ค.นี้ ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา แต่หลังจากไทยยื่นเรื่องขอย้ายไปประชุมที่มาเลเซีย เป็นวันที่ 4-6 ส.ค.68 แต่ทางการกัมพูชา ร้องขอให้ชาติมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมวงประชุมด้วย ล่าสุดทางการไทยยืนยันให้ตัวแทนสองมหาอำนาจผู้สังเกตการณ์เข้าร่วม GBC ในวันที่ 7 ส.ค. 68 เท่านั้น
ท่าทีของกัมพูชาแสดงให้เห็นชัดถึงการดึงจีนและอเมริกาเข้าร่วมในวงความขัดแย้ง รศ. ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ว่า กัมพูชาต้องการยกระดับความขัดแย้งกับไทยให้เป็นไปในเวทีนานาชาติ โดยนำสองมหาอำนาจมาอยู่ในวงประชุม เพราะเชื่อว่าจะกดดันไทยได้ ซึ่งปกติเวที GBC หรือ JBC เป็นกลไกทวิภาคี แต่การนำมหาอำนาจเข้ามาก็เป็นประเด็นที่กัมพูชาพยายามให้เป็นเรื่องในระดับพหุภาคี
การดึงมหาอำนาจเข้ามา อาจมีส่วนที่กัมพูชา คาดหวังว่าถ้าการเจรจาเป็นผลดีกับตน ก็อาจนำประเด็นเหล่านั้นไปเสริมเป็นหลักฐานในกรณีศาลโลกที่ยื่นเรื่องไปได้ และต้องการเบี่ยงเบนประเด็นที่ไทยหวังจะเปิดคุยแบบทวิภาคีให้เปลี่ยนไปจากเดิม
“การคุย GBC เป็นประเด็นเรื่องพรมแดนของไทย กัมพูชา ตลอดแนวทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อส่งเสริมบรรยากาศหยุดยิง ส่วนกัมพูชาจะไปฟ้องศาลโลกในเรื่องพื้นที่ ไทยก็ไม่จำเป็นจะต้องขึ้นศาลโลก หรือยอมรับเขตอำนาจ แต่ไทยสามารถฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ เรื่องผู้นำกัมพูชาที่สังหารพลเรือนไทยผู้บริสุทธิ์ ไทยสามารถฟ้องได้ จะทำให้ฮุนเซน และฮุนมาเนต ถูกประณาม รวมถึงมีผลต่อการออกหมายจับ แต่ไม่ได้เป็นการลงโทษประเทศด้านอธิปไตยอย่างชัดเจน”
...
กัมพูชามีปัจจัยบางอย่างที่พยายามดึงจีนและอเมริกาเข้ามา ตัวอย่างเช่น จีนที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา แต่รัฐบาลพนมเปญก็ไม่ได้เห็นโปรเจกต์ที่คาดหวังไว้สำเร็จ หรือการขุดคลองฟูนันเตโชที่ทางการจีนเข้ามาช่วย แต่การทำงานก็ช้ามาก กัมพูชาเลยพยายามเรียกอเมริกาเข้ามา ด้วยการให้เรือรบอเมริกาเข้ามายังท่าเรือสีหนุวิวที่จีนทำการลงทุนอยู่
“สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า กัมพูชาเหมือนจะอวยจีน แต่ก็พร้อมต้อนรับอเมริกาให้เข้ามาได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ การเดินเกม “นกสองหัว” ของกัมพูชาจะลากให้เข้าไปสู่จุดเสี่ยงที่เร็วและอันตรายต่อกัมพูชา เพราะชาติมหาอำนาจส่วนหนึ่งต้องการสันติภาพ แต่อีกส่วนต้องยอมรับว่าของฟรีไม่มีในโลก ถ้าฐานทัพเรือเรียมที่จีนลงทุนอยู่ กัมพูชายื่นข้อเสนอให้อเมริกาเข้ามาจอดเรือรบ จีนก็คงจะอยู่นิ่งไม่ได้”
ท่าทีการเจรจา GBC ของไทยกับกัมพูชา ส่วนตัวมองว่า ไทยก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องไปทุกครั้ง เพราะดูเหมือนเวลาในการเจรจาจะเร็วเกินไป ไม่สัมพันธ์กับการรบทางทหารที่ยังยึดพื้นที่ไม่เบ็ดเสร็จ ประกอบกับไทยมีรักษาการนายกฯ แต่ยังไม่มีนายกฯ ที่ตอบสนองนโยบายได้ชัดเจนในกรณีนี้ ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ ไทยสามารถขอเลื่อนการประชุมไปได้ แต่สิ่งที่เป็นอยู่ก็เข้าล็อกแผนของกัมพูชาไปมาก
ภูมิรัฐศาสตร์มหาอำนาจในอาเซียนเปลี่ยน
รศ. ดร.ดุลยภาค มองว่า การที่กัมพูชาดึงจีนและอเมริกาเข้ามาในความขัดแย้งกับไทย จะทำให้ภูมิรัฐศาสตร์ของอาเซียนเปลี่ยน โดยมีแนวโน้มว่าจะทำให้อ่าวไทยแคบลง เพราะปกติอ่าวไทยเป็นชื่อของไทย แต่อาจต้องไปปักปันอาณาเขตทางทะเลกับกัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ขณะเดียวกันก็จะทำให้จีนและอเมริกาเข้ามาในพื้นที่อ่าวไทยมากขึ้น เป็นผลมาจากการปรับท่าทีของกัมพูชา โดยจะทำให้ท่าทีของไทยดูเล็กลง เพราะสองมหาอำนาจเข้ามายุ่งด้วย
มีแนวโน้มว่า อ่าวไทยจะมีเรือสินค้าและเรือรบเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐ เดิมจะอยู่ในพื้นที่ปลายของอ่าวไทย เช่น ในพื้นที่ทะเลจีนใต้ แต่มาถึงตอนนี้ความขัดแย้งมาอยู่ทางตอนบนบริเวณสีหนุวิวล์ และอาจรวมไปถึงอู่ตะเภา สัตหีบ
สิ่งนี้ทำให้ประเทศอาเซียนบางชาติต้องเฝ้าระวังมากขึ้น และอาจมีแนวโน้มว่าเวทีอาเซียนอาจไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม เพราะจีนอาจจะประชุมเซียนแยกวงได้ เช่นเดียวกับอเมริกาก็สามารถทำได้ เช่น ล่าสุดที่เซี่ยงไฮ้ ดึงไทยกับกัมพูชามาคุยกับตัวแทนจีน