7 ชม. เดือดก่อนหยุดยิง ภารกิจยึดปราสาทตาควาย-ปราสาทตาเมือน ไขข้อสงสัยกัมพูชา ทำไมต้องทุ่มกำลังเข้าตี เปิดความยากการต่อสู้บนพื้นที่วัฒนธรรม

รายงานจากกองทัพภาคที่ 2 หลังเวลา 00.00 น. (29 ก.ค. 68) ปรากฏการคุกคามของกำลังประเทศกัมพูชา 7 เหตุการณ์ ดังนี้ 1. พื้นที่ช่องบก เกิดปะทะด้วยปืนเล็กที่เนินโนเนมทางทิศตะวันตกช่องบก, 2. พื้นที่ช่องอานม้า เวลา 05.00 น. เกิดการปะทะด้วยอาวุธยิงสนับสนุน สิ้นสุดในเวลา 09.00 น. ทั้งสองฝ่ายจัดตั้งชุดประสานงานบริเวณทิศใต้ช่องอานม้า 3. พื้นที่ซำแต ไทยควบคุมพื้นที่เอาไว้ได้, 4. พื้นที่ช่องตาเฒ่า พบการนำยานพาหนะพร้อมกำลังพลเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่

5. พื้นที่ภูมะเขือ ฝ่ายกัมพูชาลาดตระเวนรอบภูมะเขือ ใช้อาวุธวิถีโค้งโจมตีต่อฝ่ายเราในช่วงเวลา 01.00น. 6. พื้นที่ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังควบคุมพื้นที่ และ 7. ตรวจพบอากาศยานไร้คนขับไม่ทราบฝ่าย บินอยู่เหนือที่ตั้งทางทหารและสนามบินตามแนวชายแดนหลายแห่ง

...


แหล่งข่าวทางทหารเล่าถึงสถานการณ์การรบก่อนนาทีสุดท้ายในการหยุดยิงตอนเที่ยงคืนว่า ตามธรรมเนียมทหาร เมื่อเกิดการเจรจาบนโต๊ะ กว่าข่าวจะถูกส่งไปถึงแนวหน้า และแผนการรบที่ถูกส่งมาหน้าสนามรบจะต้องมีเวลาหยุดยิง เช่น ในอีก 12-24 ชั่วโมง ในทางปฏิบัติทหารหน่วยหน้าออกลาดตระเวนจะปิดโทรศัพท์

ขณะเดียวกันการรบส่วนใหญ่อยู่ในป่า ทำให้สื่อสารกันลำบาก จึงต้องมีระยะเวลาในการสั่งการ การเจรจาล่าสุดที่ให้หยุดยิงหลังเที่ยงคืน ซึ่งเวลาก่อนหน้านั้นทางทหารจะเรียกว่า นาทีทอง มีการรบตีกันอย่างหนัก ต่างฝ่ายต่างขนอาวุธหนักใส่กัน กัมพูชาก็ยิง BM 21 ใส่ไทย จึงเป็นที่มาที่กำลังต้องเข้าไปตี และมีการรบติดพันกันถึงเช้า

สาเหตุที่ก่อนจะถึงช่วงเวลาหยุดยิง กัมพูชาต้องเกณฑ์กำลังพลบุกในจุดที่เป็นที่ตั้งปราสาทสำคัญเช่น ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือน เพราะเป็นศักดิ์ศรี ด้วยธงชาติของกัมพูชามีปราสาทอยู่ตรงกลาง และมีความเชื่อโดยสนิทใจว่าปราสาทนี้เป็นของกัมพูชา เลยต้องพยายามตีคืนให้ได้


ขณะเดียวกัน ทหารกัมพูชาถ้าทำสำเร็จก็จะได้เลื่อนยศ รอดกลับมาได้เป็นฮีโร่ แต่ถ้าตายก็มีค่าบำรุงครอบครัว ทางยุทธวิธี การรบหน้าแนวบริเวณปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ทหารไทยมีความยากในการรบ เพราะเรายึดถือการต่อสู้ที่ไม่กระทบกับตัวปราสาท ด้วยมีกฎว่าห้ามวางกำลังทหารในพื้นที่วัฒนธรรม จึงมีการต่อสู้ด้วยปืนสไนเปอร์ เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร ที่มีการดวลสไนเปอร์ ยุทธวิธีของกัมพูชาจะมีการแอบวางทุ่นระเบิด


หลังมีการล่าถอย ทหารไทยจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากพอทหารกัมพูชาถอนไปแล้วก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคืนพื้นที่หนักสุดคือ ภารกิจของ ร.31 รอ. หรือกรมทหารราบที่ 31รักษาพระองค์ การที่กองทัพบกจะใช้หน่วยนี้ต้องเป็นภารกิจที่หนักมาก และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ ร.31 ออกรบเต็มรูปแบบในการรบสมัยใหม่ ก่อนหน้านั้นกองพันจู่โจมจะปฏิบัติหน้าที่มาตลอด

ขณะการปฏิบัติการที่กัมพูชาใช้โดรนบินขึ้นไปจำนวนมาก ก็เพื่อสอดแนมและหาพิกัดของทหารฝ่ายตรงข้าม เพื่อโจมตีและทำร้ายฝ่ายตรงข้าม