จากกรณีการปะทะกันตามแนวชายแดนระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ (25 ก.ค.) การปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไทยรัฐออนไลน์ รวบรวมไทม์ไลน์เหตุการณ์สำคัญ จากแหล่งข่าวทางการดังนี้ 


  • 04.00 น.  กองทัพบก ได้รายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เกิดการปะทะบริเวณช่องบกฯ และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ทั้งปืนใหญ่สนามและจรวด BM-21 (Grad Rocket) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยจึงได้ตอบโต้

  • 08.30 น. กองทัพบกเผยยังมีการปะทะกันต่อเนื่อง ที่ช่องบก ตอบโต้ระหว่างปืนใหญ่กับ BM-21, ช่องอานม้า ทำลายอนุสาวรีย์คนขี่ม้าและอาคารโดยรอบ, พื้นที่ซำแต ทหารราบและรถถังตีตอบโต้เพื่อยึดพื้นที่คืน, ช่องตาเฒ่า กัมพูชาใช้รถถัง 15 คันเป็นฐานยิง, เขาพระวิหาร ตรึงกำลัง, ภูมะเขือ เข้าตีแล้วยิงโต้ตอบกัน, ช่องจอม โจมตีกันไปมา, ปราสาทตาควาย กัมพูชาเพิ่มกำลังขึ้นมาจำนวนมาก, ปราสาทตาเมือนธม ไทยวางกำลัง กัมพูชาพยายามเข้าตี ข้อมูลล่าสุดวันนี้ ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย

  • 08.50 น. กองทัพบกรายงาน กระสุนจรวด BM-21 ตกใส่บ้านประชาชน 3 จุดใน ต.ศรีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดว่าประชาชนได้อพยพไปก่อนหน้านี้แล้ว

  • 09.40 น. พ.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ประณามกัมพูชายิงระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ยืนยันมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า “ฮุน เซน” อยู่เบื้องหลังโจมตีเป้าหมายพลเรือนไทย ถือเป็นอาชญากรสงคราม เรียกร้ององค์กรระหว่างประเทศและประชาคมโลก สอบสวนอย่างอิสระ-โปร่งใส เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ

  • ประมาณ 09.45 น. พลโทหญิง มาลี โซเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า กองทัพไทยใช้ "ระเบิดลูกปราย" หรือ ระเบิดคลัสเตอร์ โจมตีในเขตแดนกัมพูชา ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นอาชญากรรมสงคราม และในวันนี้ได้เปิดฉากโจมตี 7 จุดของกัมพูชาตั้งแต่ช่วงเช้ามืด 

  • 09.50 น. เจ้าหน้าที่กู้ 5 ศพ ออกจากร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กำลังนำร่างส่งโรงพยาบาลกันทรลักษณ์ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ ก่อนมอบให้ญาติ

  • 11.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ประธานอาเซียน ได้ต่อสายมาพูดคุยเสนอเป็นตัวกลางเพื่อแก้ไขปัญหา ยุติการปะทะหรือเผชิญหน้ากัน ซึ่งฝ่ายไทยไม่มีปัญหาแต่ขอให้ฝ่ายกัมพูชามีความชัดเจน เพราะที่ผ่านมาไทยยึดถือหลักสันติมาตลอด จึงขอให้นายอันวาร์ ไปเคลียร์เรื่องนี้กับทางกัมพูชาให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน ซัดรับไม่ได้ที่กัมพูชา โจมตีพลเรือน และโรงพยาบาล

  • 12.00 น. ศบ.ทก. แถลงข่าว ตอนนี้มีการปะทะอยู่ในพื้นที่ 12 แห่ง เช่น ช่องบก ช่องอานม้า เขาพระวิหาร เผยฝ่ายกัมพูชายังคงมีการใช้อาวุธหนักและอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกล โจมตีขอบหน้าพื้นที่การปะทะและพื้นที่ส่วนหลัง ทำให้พื้นที่ส่วนหลังที่มีประชาชน ชาวบ้านอาศัยได้รับผลกระทบรวมถึงโรงพยาบาล ด้านการต่างประเทศได้ส่งหนังสือถึง UNSC ชี้แจงหนังสือของกัมพูชา ว่าไทยมีหลักฐานว่ากัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน และมีการใช้ความรุนแรงกับพลเรือน

  • 12.35 น. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงเปิดกรณีที่มีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้ทำหนังสือถึงองค์การยูเนสโก (UNESCO) โดยกล่าวอ้างว่าฝ่ายไทยได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนในการปฏิบัติการทางทหาร จนส่งผลให้ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหาย ยืนยันว่าทหารไทยมีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการตอบโต้เฉพาะต่อกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา โดยมิได้มุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือนหรือสถานที่ใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง และพื้นที่ตัวปราสาทพระวิหารไม่ได้อยู่ในแนวทิศทางของการใช้อาวุธฝ่ายไทย ดังนั้นข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน 

  • 16.15 น. มีรายงานกองทัพอากาศ ส่ง F-16 บินทิ้งระเบิด 2 เที่ยวทำลายเป้าทางทหาร  4 จุดรอบ รอบเขาพระวิหาร ตาเมือนธม ภูมะเขือ โดยเที่ยวแรกหลังช่วงเที่ยงที่ผ่านมา F-16 จำนวน 4 เครื่องทำลายเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา 2 จุด  จากนั้นเที่ยวบินที่ 2 ช่วงบ่าย ได้ขึ้นบินอีก 2 เครื่อง โจมตีเป้าหมายทางทหารอีก 2 จุด ก่อนกลับเข้าฐานบินอย่างปลอดภัย โดยปฏิบัติครั้งนี้เน้นทำลายเป้าหมายทางทหาร ที่กัมพูชาใช้ยิงจรวดใส่บ้านเรือนประชาชนและโรงพยาบาลฝั่งไทย   

  • 17.20 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ แถลงความคืบหน้าและท่าทีของประเทศไทยต่อสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ยืนยันไทยอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุและใช้สันติวิธีมาตลอดแต่กัมพูชาเป็นฝ่ายใช้กำลังทางทหารก่อน และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรงด้วยการโจมตีโรงพยาบาลและพื้นที่ชุมชนที่เลยแนวชายแดนมากกว่า 20 กม. ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต ถือเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง 

    วานนี้ (24 ก.ค.) รมว.ต่างประเทศได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับสหประชาชาติ และทำหนังสือถึง UNSC เพื่อชี้แจงแล้ว และขอเชิญชวนประชาคมโลกร่วมประณาม ซึ่งนับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะ กองทัพไทยได้ตอบโต้ตามแนวทาง จำกัดเป้าหมายทางการทหารเท่านั้น 

    นอกจากนี้ทางการยังได้เร่งอพยพประชาชน และกำหนดหลักเกณฑ์ในการเยียวยา ผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท ทุพพลภาพ 7 แสนบาท บาดเจ็บสาหัส 2 แสนบาท และบาดเจ็บมาก 1 แสนบาท และในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) รมต.จะลงพื้นที่ 4 จังหวัดเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และขวัญกำลังใจ 

...

ข้อมูล ณ เวลา 18.00 น. วันที่ 25 ก.ค.68 

ที่มา : กองทัพบก Royal Thai Army, ศบ.ทก.