ย้อนสมรภูมิ “ปราสาทตาเมือน” ทหารไทย-กัมพูชารบเดือด 12 วันเมื่อปี 2554 สูญเสียเกือบ 20 ชีวิต ก่อนถึงจุดเริ่มต้นปะทะเดือดวันนี้ (24 ก.ค.68)
เช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) มีรายงานว่าการปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ที่บริเวณปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังทหารกัมพูชาส่งอากาศยานไร้คนขับ (UAV) และได้เปิดฉากใช้อาวุธยิงเข้าใส่ ทำให้ทหารไทยตอบโต้ มีการใช้ทั้งอาวุธปืนเล็กและอาวุธหนัก ข้อมูลล่าสุดเวลา 9.20 น. ทหารไทยบาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่ล่าสุดการปะทะลุกลามตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่การเปิดฉากโจมตีด้วยอาวุธหนักครั้งแรกในพื้นที่ปราสาทตาเมือน ย้อนไปในช่วงไทยและกัมพูชามีข้อพิพาทตามแนวชายแดนต่อเนื่องจากกรณีเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2551 ได้มีการปะทะกันนานกว่า 12 วันในพื้นที่ปราสาทตาเมือน วันที่ 22 เมษายน - 3 พฤษภาคม 2554 เป็นเหตุให้มีทหารและพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ดังนี้
วันที่ 22 เมษายน 2554 การปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาปะทุขึ้นในพื้นที่กลุ่มปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกในขณะนั้น ได้แถลงว่ามีการปะทะเกิดขึ้นในบริเวณใกล้ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก เรื่อยไปจนถึงปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก มีการยิงกระสุนปืนเล็กและกระสุนปืนใหญ่
มีรายงานการใช้อาวุธหนัก เช่น ปืนเอเค 47, ปืนเอ็ม 16, ปืนกล, ปืน ค.60, จรวด RPG จรวดหลายลำกล้อง โดยการปะทะกินเวลากว่า 5 ชั่วโมง ตั้งแต่ 06.00 น. จนถึงเวลา 11.00 น. เสียงปืนของทหารทั้ง 2 ฝ่ายจึงเงียบลง โดยฝั่งทหารไทยเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 14 นาย
...
นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่ามีกระสุนปืนใหญ่จากฝ่ายกัมพูชาตกลงข้าง สภ.พนมดงรัก 1 ลูก แต่ไม่มีความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน มีกระสุนปืนใหญ่ตกลงหมู่บ้านใน ต.บักได ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง ทางอำเภอพนมดงรักได้สั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่มากกว่า 3 หมื่นคน
ต่อมา พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 ในขณะนั้น แถลงว่าการปะทะครั้งนี้เกิดจากทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในดินแดนฝั่งไทยและเปิดฉากยิงก่อน ทำให้ทหารไทยต้องตอบโต้เพื่อผลักดันทหารกัมพูชาออกนอกดินแดน
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกาศให้บริเวณปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก รวมถึงหลายพื้นที่ใน อ.กาบเชิง และ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอันเนื่องจากกองกำลังจากนอกประเทศ
ต่อมาวันที่ 23 เมษายน 2554 ทหารทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากปะทะกันเป็นวันที่ 2 ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น. มีทหารไทยเสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 11 นาย ด้านกัมพูชาอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ใกล้เขตสู้รบ 5,000 คน
วันที่ 24 เมษายน 2554 การสู้รบดำเนินต่อเป็นวันที่ 3 ทหารไทยเสียชีวิต 1 นายได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่ามีชาวกัมพูชา 3 คนเสียชีวิตจากปืนใหญ่ของกองทัพไทย ก่อนกลั้นน้ำตาไม่ไหวจนไม่สามารถแถลงการณ์ต่อได้
วันที่ 25 เมษายน 2554 การสู้รบดำเนินต่อเป็นวันที่ 4 มีอาสาสมัครทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้หลายพื้นที่ใน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอันเนื่องจากกองกำลังจากนอกประเทศ
การสู้รบดำเนินต่อเนื่องในวันที่ 27 เมษายน 2554 มีชาวบ้าน อ.กาบเชิง เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 2 คน จากการที่ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้าใส่ ขณะที่บ้านเรือนประชาชนเสียหายหลายหลัง
การปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่ายจบลงในวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 มีรายงานผู้เสียชีวิตทหารกัมพูชา 9 นาย ทหารไทย 8 นาย และพลเรือนชาวไทยเสียชีวิต 1 คน ชาวไทยได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 95 คน แบ่งเป็นทหาร 50 นาย และทหารกัมพูชาได้รับบาดเจ็บ 18 นาย
ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือน เป็นศาสนสถานแบบขอมตั้งอยู่ในช่องเขาตาเมือน (ช่องเขาตาเมียง) เทือกเขาพนมดงรัก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ปัจจุบันจะเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิจนบานปลายกลายเป็นสมรภูมิรบดังกล่าว
กรมศิลปากรได้ยืนยันไว้ในปี พ.ศ. 2553 ว่าปราสาทตาเมือนธม อยู่ในฝั่งประเทศไทยและได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 โดยอ้างอิงตามแผนที่ที่ยึดสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขต และอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี และได้ดำเนินการบูรณะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางการกัมพูชาได้รับรู้มาโดยตลอด ทั้งยังมีโบราณวัตถุจากบริเวณนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์
ขอบคุณ : ศิลปวัฒนธรรม, ผู้จัดการออนไลน์, กองทัพบก