3 เดือนระทึก "แพทองธาร" วัดใจนิติสงคราม หนีอุบัติเหตุการเมือง นักวิชาการคาดโอกาสรอดมีเพียง 20% คดีศาลรัฐธรรมนูญน่าห่วงสุด ประจักษ์พยานคลิปเสียงชัด โอกาสเปลี่ยนนายกฯ ต้องจับตา
"ฮุนเซน" ผู้มีอิทธิพลแห่งกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงไทยอาจต้องเปลี่ยนนายกฯ อีก 3 เดือนข้างหน้า จนกลายเป็นประเด็นร้อน ขณะนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ไม่ยอมตอบในประเด็นนี้ หลังถูกนักข่าวถาม แต่ถ้าประเมินสิ่งที่ผู้นำไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะกรณีคลิปเสียงที่ถูกปล่อยจากฝั่งกัมพูชา แล้วยังต้องลุ้นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ โดยมีการประชุมในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ถ้าขีดเส้นระยะเวลา 3 เดือนหลังจากนี้ นายกฯ "แพทองธาร" ต้องเผชิญกับศึกหนัก "นิติสงคราม" โดย รศ. ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ว่า สิ่งที่เป็นเรื่องท้าทายของรัฐบาลภายใน 3 เดือนข้างหน้า จะประกอบด้วย 1.ความเชื่อมั่นจากประชาชน 2.กระแสต่อต้านจากม็อบและสังคม 3.นิติสงคราม 4.ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล
หากประเมินความเสี่ยงที่น่ากังวลมากที่สุดคือ นิติสงคราม โดยเฉพาะคดีที่มีการยื่นถอดถอนนายกฯ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องมาลุ้นว่าศาลจะรับวินิจฉัยเรื่องนี้หรือไม่ และถ้ารับแล้วจะมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
...
ส่วนตัวมองว่า ประเด็นการยื่นถอดถอนนายกฯ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองประมาณ 80% ภายใน 3 เดือนข้างหน้านี้
“ความเห็นส่วนตัวมองว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ค่อนข้างมีสูง เพราะคลิปเสียงที่หลุด ประเด็นที่คุยมีความเกี่ยวโยงกับความมั่นคงของรัฐ ขณะเดียวกันนายกฯ ก็ออกมายอมรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคลิปเสียงที่ออกมาว่าเป็นบทสนทนาของตนเองกับฮุนเซนจริง เลยทำให้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ยุติแล้วว่าเป็นคลิปเสียงจริง สิ่งนี้จึงทำให้ศาลฯ เชื่อได้ว่า มีมูลความจริงที่นำสู่การปฏิบัติหน้าที่ได้”
คดีอื่นที่ร้องเรียนเกี่ยวกับคดีอาญา และคดีเกี่ยวกับ ป.ป.ช. ยังต้องอาศัยการพิจารณาในระยะยาว แต่คดีที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นคดีที่เกิดขึ้นได้ก่อน และมีความเสี่ยงทุกวินาทีต่อจากนี้ ขณะเดียวกันก็จะเห็นอีกหลายอย่างที่เข้ามาสั่นคลอนรัฐบาลในช่วงเวลานี้
ประเด็นการขอเปิดอภิปรายของพรรคภูมิใจไทย ที่ย้ายไปเป็นฝ่ายค้าน ต้องมีคะแนนเสียง ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 โดยมีประมาณ 99 เสียง ต้องอาศัยเสียงของพรรคประชาชน ขณะเดียวกันสถานการณ์ริมชายแดนของไทยและกัมพูชา ประกอบกับเสียงต่อต้านที่มาจากม็อบรอบด้าน นี้จึงเป็นกระแสต่อต้านที่เข้ามา จนอาจทำให้นายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้
สิ่งที่คุณแพทองธารต้องทำตอนนี้คือ เรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนก่อน เพื่อสร้างความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งต่อ และถ้าเร่งทำเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมได้ ค่อยเร่งการแก้ไขในเรื่องเศรษฐกิจต่อหลังจากปรับคณะรัฐมนตรี
ถ้าประเมินนิติสงครามที่นายกฯ ต้องเจอ กับการเร่งเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณในปี 69 ก็ยังไม่น่ากังวล โดยเฉพาะการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 1 ก.ค.นี้ หากมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจจะต้องมีการคัดเลือกนายกฯ คนใหม่ขึ้นมาแทน เพื่อไม่ให้การพิจารณางบประมาณสะดุด
“สถานการณ์ตอนนี้ มีความสุ่มเสี่ยง และเราไม่ควรจะยุบสภาฯ หรือเปลี่ยนนายก ตอนนี้ควรทำให้ศักยภาพทางการเมืองมีความเข้มแข็ง เพื่อต่อสู้กับประเทศเพื่อนบ้าน การที่คนไทยมาทะเลาะกันเอง ย่อมไม่เป็นผลดีกับประเทศ แต่ตอนนี้ควรจะทำให้สถานการณ์สามารถต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน และหลังจากนั้นถ้าเหตุการณ์การเมืองสงบแล้วค่อยมีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ได้เช่น ช่วงต้นปี 69”