"ไม่อยากให้ Uncle ไปฟังคนฝั่งตรงข้าม" ประโยคหนึ่งในคลิปเสียงหลุดระหว่าง นายกฯ กับ "ฮุนเซน” แห่งกัมพูชา สร้างแรงสั่นสะเทือน จนมีการยื่นถอดถอนต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่นัดประชุมวันที่ 1 ก.ค. นี้ "นักกฎหมาย อดีต สว.” แกะ 4 ปมเสี่ยงถูกยุติปฏิบัติหน้าที่ 

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังมีคลิปเสียงหลุดกับ “ฮุนเซน” อดีตผู้นำกัมพูชา แม้นายกฯ จะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อ แต่ก็ถูกยื่นเรื่องเพื่อถอดถอน โดยตอนนี้รวมได้ 4 คดี แต่มีคดีที่ต้องจับตาในการยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญประกาศนัดประชุมใหม่ 1 ก.ค. เร็วกว่ากำหนดเดิม

ท่ามกลางกระแสจับตาคำร้อง สว. ยื่นถอดถอน “แพทองธาร” ปมคลิปเสียงกับ “ฮุนเซน” อาจมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หากศาลรับคำร้อง

ทีมข่าวสอบถามไปยัง "ไพศาล พืชมงคล" นักกฎหมาย และอดีต สว. วิเคราะห์ถึงประโยคคำพูดในคลิปเสียง ที่เข้าข่ายการยื่นถอดถอนว่า 1.คลิปเสียงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ชายแดนไทย-กัมพูชา มีปัญหาและนายกฯ ให้อำนาจทหารในการจัดการหน้างาน โดยทหารมีคำสั่งปิดด่านผ่านแดน แต่รัฐบาลไปแทรกแซงในการเจรจาเพื่อเปิดด่านไม่ได้ เพราะเป็นการใช้กฎอัยการศึก

...

2.มีประโยคในคลิปเสียง ที่มองว่าแม่ทัพเป็นฝ่ายตรงกันข้าม จะทำให้เกิดปัญหา เพราะทหารมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการดูแลเอกราชอธิปไตย แต่ไปใช้คำพูดว่าพวกเขาเป็นฝ่ายตรงข้ามทำให้จุดยืนและสถานะของนายกฯ เป็นที่น่าสงสัยว่าจะรักษาอธิปไตยได้หรือไม่ ถ้าผู้นำเป็นอย่างนี้ และถ้ายิ่งมองทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามก็ถือว่าจบแล้ว

3.น้ำเสียงที่สนิทชิดเชื้อต่อผู้ที่มีอิทธิพล และมีผลประโยชน์ต่อตัวเองเหมือนผู้ใหญ่ในครอบครัว ก็ถือว่าเสียภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำ แล้วยิ่งเป็นการเจรจาในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ควรจะแสดงท่าทีเป็นการเจรจาระหว่างลุงกับหลาน

4.การที่ไปเสนอว่า อยากได้อะไร ให้ท่านบอกมา ที่เป็นประโยคที่เสียหายอย่างมาก เพราะเหมือนให้สัญญาว่า จะทำอะไรตามคำสั่ง "ฮุนเซน” ทุกอย่างจะมีผลเสียหายต่อประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อความไว้วางใจในการบริหารประเทศ โดยประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาในวันที่ 1 ก.ค. ว่าจะรับคำร้องหรือไม่

“คลิปเสียงที่เกิดขึ้นส่งผลสะเทือนต่อการทำหน้าที่นายกฯ มาก โดยเนื้อหาในคลิปไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะเป็นการพูดในฐานะนายกรัฐมนตรี ในเวลาที่ทหารใช้กฎอัยการศึก หมายความว่าการบริหารพื้นที่ชายแดนไปอยู่ที่ทหารแล้ว แต่นายกฯ ไปก้าวก่าย และสร้างความเสียหายต่อทหารที่ทำงานหน้างาน ซึ่งเนื้อหาในคลิปเป็นประเด็นที่หลายคนรับไม่ได้”

แม้นายกฯ อ้างว่าเป็นการเจรจาแบบไม่เป็นทางการ แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองทั้งนั้น ดังนั้นเรื่องของชาติบ้านเมืองทำเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ เลยทำให้คลิปนี้มีปัญหา

หากดูการเขียนคำร้องที่กลุ่ม สว.ยื่นคำร้อง ถือเป็นเนื้อหาในทางกฎหมายที่เขียนโดยนักกฎหมายชั้นครู และถือเป็นคดีที่จะมีผลทำให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ แม้ตอนนี้จะมีบางคนบอกว่าคลิปที่ปล่อยมาเป็นแค่คลิปบางส่วน ควรได้ฟังคลิปเต็ม แต่ในสภาวะนี้ในเชิงกฎหมาย ที่มีคลิปหลุดมาแค่บางส่วน

...

ผู้ที่พิจารณาก็ต้องวิเคราะห์เฉพาะกับคลิปที่ถูกปล่อยออกมา แต่คลิปที่ออกมา คำพูดของนายกฯ ก็ถือว่าเป็นประเด็นที่หนักหนาในเชิงกฎหมาย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับเรื่องกรณีคลิปเสียงของนายกฯ ก็อาจจะมีการพิจารณาต่อคาดว่า จะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค.นี้ หรือแล้วเสร็จเดือน ส.ค. เป็นอย่างช้า เพราะคลิปเสียงต่างๆ ก็ปรากฏชัด เพียงแต่ถ้อยคำที่เป็นภาษากัมพูชา ต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง

สำหรับประชาชน อย่าไปฟังตามกระแสข่าวลือมากนัก แต่ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของชาติบ้านเมือง เพราะคนที่รับชะตามกรรมคือประชาชน เราจะต้องมองทุกอย่างด้วยความเป็นจริงและเป็นธรรม ทุกอย่างเป็นต้นเหตุที่นำสู่ผลลัพธ์เสมอ