การเมืองไทย กำลังร้อนระอุ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกสายตาจับจ้องว่าทิศทางของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ภายหลังเกิดกรณีคลิปเสียงการโทรศัพท์เจรจาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สร้างความไม่พอใจให้แก่หลายฝ่ายในเรื่องจุดยืน จนเกิดการเรียกร้องให้ นายกฯ รับผิดชอบด้วยการลาออก หรือ ยุบสภาฯ

ขั้นตอนทางกฎหมายหาก นายกฯ ลาออก

ขั้นตอนการรักษาการ เมื่อนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะพ้นจากตำแหน่งทันที ตามมาตรา 167 (1) ของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสุญญากาศในการบริหารประเทศ คณะรัฐมนตรีชุดเดิมจะยังคงทำหน้าที่เป็นคณะรัฐมนตรีรักษาการต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง

ข้อยกเว้นสำคัญ หากนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งด้วย เหตุเฉพาะตัว เช่น ขาดคุณสมบัติ หรือถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง (ตามมาตรา 170) นายกรัฐมนตรีคนนั้นจะไม่สามารถทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีได้ แต่คณะรัฐมนตรีที่เหลือยังคงรักษาการต่อไป โดยให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการแทนนายกฯ หรือหากมีหลายคน ครม. จะมอบหมายให้คนใดคนหนึ่งทำหน้าที่นี้

อำนาจหน้าที่ของ ครม. รักษาการมีจำกัด แม้จะยังคงบริหารราชการได้ตามปกติ แต่มีข้อห้ามหลักๆ คือ ห้ามอนุมัติงานหรือโครงการใหม่ๆ ที่จะสร้างภาระผูกพันกับรัฐบาลชุดต่อไป นอกจากนี้ ยังห้ามแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ เว้นแต่ กกต. จะเห็นชอบ (หากมีการเลือกตั้ง) และงดเว้นการอนุมัติงบประมาณประจำปี ยกเว้นกรณีจำเป็นเร่งด่วน เช่น เพื่อความสงบเรียบร้อยหรือป้องกันภัยพิบัติ

กระบวนการสรรหาและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่

...

เมื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลงหลังลาออก หรือพ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะพ้นจากตำแหน่งไปด้วย แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่เป็น "คณะรัฐมนตรีรักษาการ" จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งกระบวนการสรรหานายกฯ คนใหม่นั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 และอาจใช้เวลาแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ทางการเมือง

การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี

ผู้เสนอชื่อ คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เป็นผู้เสนอชื่อ โดยผู้ถูกเสนอต้องเป็น หัวหน้าพรรคการเมือง หรือมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองนั้น ซึ่งพรรคการเมืองต้องแจ้งชื่อไว้ล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้ง

เสียงสนับสนุน การเสนอชื่อแต่ละครั้งต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน สส. ทั้งหมดที่มีอยู่ (ปัจจุบันคือ 50 คน จาก 500 คน) 

ปัจจุบันมีชื่อบุคคลที่ถูกเสนอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 6 คน ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล, นายชัยเกษม นิติสิริ, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

อย่างไรก็ตาม หากนายกรัฐมนตรีลาออกและต้องมีการเลือกนายกฯ คนใหม่จากบัญชีรายชื่อเดิม 6 รายชื่อจะเหลือเพียง 5 คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถูกเสนอชื่อ ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล, นายชัยเกษม นิติสิริ, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สส. ถึงเกณฑ์ 25% ของจำนวน สส. ทั้งหมดตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ทำให้ไม่สามารถถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อรัฐสภา หรือสภาผู้แทนราษฎรตามช่วงเวลาที่กำหนด มีมติเห็นชอบบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้กราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง บุคคลนั้นให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ

หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะดำเนินการแต่งตั้งรัฐมนตรีอื่นๆ อีกไม่เกิน 35 คน เพื่อรวมกันเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ต่อไป ซึ่งจะเข้ามารับผิดชอบการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบ

ข้อมูล : รัฐบาลไทย

ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี