สรุปประเด็นข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาที่ จากการปะทะของทหารในพื้นที่ "ช่องบก" จ.อุบลราชธานี สู่การที่ กัมพูชา ลากไปถึงพื้นที่ข้อพิพาทอื่นๆ รวม 4 ยื่นต่อศาลโลก

1. พื้นที่ “ช่องบก” หรือ “สามเหลี่ยมมรกต (Emerald Triangle)” เป็นเขตรอยต่อชายแดน 3 ประเทศคือ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประเทศไทย, พื้นที่เมืองมูลประโมกข์ แขวงจำปาสัก ประเทศลาว และพื้นที่เมืองจอมกระสานต์ จ.พระวิหาร ประเทศกัมพูชา ครอบคลุมพื้นที่ 12 ตร.กม.
2. บริเวณนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชามีปัญหากันมานานเนื่องจากการปักปันเขตแดนไม่ลงตัว โดยไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนกันหลายจุดตามแนวชายแดน รวมถึงหลักเขตแดนเดิมที่เคยทำไว้เกิดชำรุดสูญหาย และการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิศาสตร์ทั้งตามธรรมชาติและจากฝีมือมนุษย์
3. ในปี 2528-2530 “ช่องบก” เป็นสมรภูมิรบที่สำคัญในอดีตของทหารไทย ในการขับไล่กองทัพเวียดนามที่เข้ามายึดครองกัมพูชาหลังการโค่นล้มเขมรแดงในปี 2522 และขยายการรุกรานเข้ามาในชายแดนไทยบริเวณช่องบก อ้างสิทธิในพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันชัดเจน แต่ท้ายที่สุดทหารไทยเป็นฝ่ายชนะและขับไล่กองทัพเวียดนามได้สำเร็จ โดยไทยสูญเสียทหาร 109 นาย บาดเจ็บ 664 นาย
...

4. ต่อมาในปี 2540 ไทยและกัมพูชา ได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เพื่อเป็นกลไกในการเจรจาและสำรวจจัดทำหลักเขตแดนทางบก และในปี 2543 ได้มีการทำ MOU 2543 ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ให้เอาปัญหาข้อขัดแย้งทั้งหมดไปดำเนินการผ่านคณะกรรมาธิการร่วมฯ และในระหว่างที่ยังไม่สามารถจัดทำหลักเขตแดนได้ ต้องไม่มีการเข้าไปดำเนินการในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาอยู่
5. เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา “ศาลาตรีมุข” หรือ ศาลารวมใจไทย ลาว กัมพูชา ที่ฝั่งไทยเป็นฝ่ายริเริ่มในการสร้างเมื่อปี 2534 เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ โดยตั้งอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมมรกตใกล้ช่องบก ถูกเผาทำลาย โดยในตอนแรกกองทัพบกชี้แจงว่าสาเหตุเกิดจากไฟลามจากบ้านเรือนฝั่งกัมพูชาและยืนยันว่าไม่ได้กระทบต่อฝ่ายไทย แต่ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นฝีมือของทหารกัมพูชา
28 พ.ค.2568
6. เกิดการปะทะของทหารไทยและกัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. โดยหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาขุดคูเลต (หรือ ช่องเพลาะ คือการขุดคูเป็นที่กำบัง) ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อไปเจรจา แต่เมื่อไปถึงฝ่ายทหารกัมพูชามีการเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไปประมาณ 10 นาที ก่อนจะมีการประสานงานกันระหว่างกองทัพและมีการหยุดยิง โดยฝ่ายไทยไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
7. นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แจงว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไร ในเบื้องต้นพบว่ากำลังทั้งสองฝ่ายเข้าไปในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งประกอบกับเป็นเวลาที่มืดจึงเกิดการปะทะกันโดยบังเอิญ โดยย้ำว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นไปรบกัน
8. ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่า การปะทะเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเตโชโมกัต ต.จอมข่าน อ.จอมข่าน จ.พระวิหาร โดยกองทัพไทยเปิดฉากยิงก่อนในสนามเพลาะ ซึ่งเป็นฐานทัพของกองทัพกัมพูชามาเป็นเวลานาน ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย คือสิบเอกสุวรรณ ราว อายุ 48 ปี พร้อมชี้ว่าการปะทะไม่ใช่ทางเลือกที่กัมพูชาต้องการ และจะหารือกับกลาโหมของไทยเพื่อหาแนวทางต่อไป ขณะที่ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก ประณามเหตุปะทะทำทหารตาย 1 ศพ ชี้ไม่อยากเห็นการปะทะแต่สนับสนุนส่งทหารและอาวุธหนักไปประจำการชายแดนเพื่อป้องกัน
9. ด้านนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ระบุว่าคุยกับฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา แล้ว ว่าไม่มีอะไร เราเข้าใจตรงกันว่า เดี๋ยวจะมีการทำให้สถานการณ์คลี่คลายเร็วที่สุด ไม่อยากให้เกิดแบบนี้

...
29 พ.ค. 2568
10. ในช่วงเช้า ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าไม่อยากเห็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพ แต่กัมพูชาขอสงวนสิทธิ์ที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอาณาเขตของตน ด้านนายกฯ แพทองธาร ของไทยระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายอยากให้สงบกันทั้งคู่ ในส่วนที่กัมพูชาเสริมกำลังแนวชายแดนนั้น เป็นหลักเกณฑ์ของแต่ละประเทศอยู่แล้ว โดยทาง ผบ.ทบ.จะไปคุยกันด้วยสันติภาพ
11. ต่อมาในช่วงบ่าย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.และคณะ ได้เดินทางไปยังด่านถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พูดคุยกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผบ.ทบ.กัมพูชาและคณะ ใช้เวลาประชุมราว 1 ชม. จากนั้น พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่าการเจรจาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีความเข้าใจกันดี คือ 1.ให้ทั้ง 2 ฝั่งแก้ปัญหาผ่านการประชุม JBC ที่จะจัดขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ 2.ให้ทั้งสองฝั่งถอนกำลังไปอยู่ห่างจากจุดปะทะฝั่งละ 200 เมตร และ 3.ให้อดทนอดกลั้น รักษาสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
12. สมเด็จฮุน เซน โพสต์แถลงการณ์กองทัพกัมพูชา 4 ข้อ เพิ่มมาอีก 1 ข้อจากของไทย ระบุว่าเห็นพ้องใช้กลไก JBC แก้ปัญหาเรื่องเขตแดน แต่ยืนยันกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังจากจุดปะทะ อ้างว่าบริเวณดังกล่าวกัมพูชาได้ครอบครองมาก่อน MOU 2543

...
30 พ.ค. 2568
13. กองทัพบก ออกแถลงการณ์แก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดน แสดงจุดยืนสนับสนุนการเจรจาด้วยสันติวิธี โดยกลไก JBC ยืนยันผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะถอนกำลังจากจุดปะทะและดูแลกำลังพลให้ปฏิบัติตามกรอบเจรจาอย่างเคร่งครัด
14. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า คิดว่าน่าจะเคลียร์กันจบแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดี คุยกันรู้เรื่อง และทางทหารก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ชี้เป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ของทหารชั้นผู้น้อยจากเขตแดนที่ไม่ชัดเจน ย้ำตนและสมเด็จฮุน เซนคุยกันประจำ ไม่มีอะไร ของทุกฝ่ายอย่าเติมเชื้อไฟ
15. ต่อมาช่วงกลางดึก สมเด็จฮุน เซนโพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้ง ยืนยันว่าพื้นที่ “สามเหลี่ยมมรกต” เป็นดินแดนของกัมพูชา มีทหารประจำการมาตลอด พร้อมยืนยันว่าจะไม่ถอนทหารและหากยังไม่ชัดเจนท้าให้ไทยและกัมพูชาไปตัดสินกันในศาลโลก

...
31 พ.ค. 2568
16. มีข่าวลือว่าหน่วยงานความมั่นคง เตรียมปิดด่านถาวร 6 แห่ง จุดผ่อนปรน 10 แห่งตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยของประชาชน แต่ทาง พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เป็นส่วนหนึ่งของแผนแต่จะปิดก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น ซึ่งพิจารณาภาพรวมตอนนี้ยังเรียบร้อย มีเพียงบางพื้นที่ที่มีปัญหาบ้างแต่ก็อยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวลมากนัก ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาล ก็ยืนยันว่าไม่มีการปิดด่าน เปิดค้าขายปกติ

1 มิ.ย. 2568
17. ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา โพสต์ข้อความสั่งเจ้าหน้าที่ JBC ฝั่งกัมพูชาจัดการประชุมร่วมกับไทย และให้เพิ่มวาระเรื่องการนำพื้นที่พิพาทกับไทย 4 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย กับพื้นที่มอมเบ (Mombei) เสนอต่อศาลโลกด้วย ชี้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นจากการยั่วยุซ้ำๆ จากกลุ่มหัวรุนแรง เติมเชื้อไฟการเคลื่อนไหวชาตินิยมทั้ง 2 ประเทศ และอาจนำไปสู่การเผชิญหน้ารอบใหม่
2 มิ.ย. 2568
18. กระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ทำหนังสือถึงสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเร่งด่วนและละเอียดในเหตุการณ์ที่ทหารไทยเปิดฉากยิงใส่พื้นที่กัมพูชาทำให้มีทหารเสียชีวิต และนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
19. สภากัมพูชา มีมติเอกฉันท์ให้นำพื้นที่ข้อพิพาท 4 แห่งยื่นต่อศาลโลก โดยสมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวในที่ประชุมว่าหากไม่ถูกยุติผ่านกระบวนการศาลโลก อาจนำไปสู่สถานการณ์เลวร้ายไม่ต่างจาก “ฉนวนกาซา”

4 มิ.ย. 2568
20. รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ ยืนยันปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ยึดหลักแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ปัจจุบันสถานการณ์บริเวณชายแดนมีความสงบเรียบร้อย โดยจะมีการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.ที่กัมพูชา ด้านนายภูมิธรรม รมว.กลาโหม ยันยังไม่เปิดฉากรบเจรจาตามขั้นตอน และไทยจะไม่หยิบเรื่องนี้เป็นประเด็นในระดับโลก ขณะที่ นายกฯ แพทองธาร ระบุว่า จะรักษาอธิปไตยด้วยสันติวิธีแต่พร้อมรับมือหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ยืนยันไม่นิ่งนอนใจ
5 มิ.ย. 2568
21. รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุด ระบุ ได้ตัดสินใจนำประเด็นพื้นที่พิพาท 4 แห่งยื่นฟ้องต่อศาลโลก ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. และจะไม่รวมอยู่ในวาระการประชุม JBC ที่กำลังจะมาถึง ยืนยันกัมพูชายึดมั่นในสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศมาโดยตลอด
22. รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ว่า ไทยไม่ได้ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกตั้งแต่ปี 2503 ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายมีกลไกทวิภาคีในการจัดการปัญหาชายแดนอยู่แล้ว ไม่ต้องการขยายประเด็นปัญหาออกไปและไม่ต้องการเห็นการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ขณะที่นายกฯ โพสต์ทวีตย้ำว่าไม่ต้องการขยายประเด็น

ข้อมูลอัปเดต ณ เวลา 17.30 น.วันที่ 5 มิ.ย. 2568