วันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2025 คณะนักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ตีพิมพ์รายงานในวารสารเปิด arXiv (แต่ได้รับการตอบรับลงตีพิมพ์ในวารสาร Astrophysical Journal Letters แล้ว) การค้นพบสัญญาณชัดเจนที่สุดของสิ่งมีชีวิตนอกระบบสุริยะ แต่ก็ยังต้องตรวจสอบให้รอบคอบอีก

“เชื่อ คิดและทำ อย่างวิทยาศาสตร์” วันนี้จะนำท่านผู้อ่านไปดูสิ่งที่คณะนักดาราศาสตร์ค้นพบว่า คืออะไร ? ค้นพบได้อย่างไร ? เป็นหลักฐานการค้นพบว่า “เรามิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาลแล้วใช่ไหม ? ความคิดเห็นของนักดาราศาสตร์คนอื่นๆ เป็นอย่างไร ? แล้วเรื่องเกี่ยวกับการค้นพบฟอสฟีนในบรรยากาศของดาวศุกร์ล่ะ ถึงล่าสุด เป็นอย่างไร ?

การค้นพบใหม่ สัญญาณชีวิตบนดาวเคราะห์ K2-18b

คณะนักดาราศาสตร์ที่มาของต้นข่าวเรื่องของเราวันนี้ มีศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน (Nikku Madhusudhan) นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์อังกฤษเชื้อสายอินเดีย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะและชีวิตนอกโลก เป็นหัวหน้าคณะ

ในวงการดาราศาสตร์วันนี้ ศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นผู้ตั้งคำ “Hycean” หรือ “ไฮเชียน” ขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 2021 โดยคำ Hycean มาจาก Hydrogen + Ocean (ไฮโดรเจน+โอเชียน หรือ ไฮโดรเจน+มหาสมุทร) หมายถึงดาวเคราะห์ที่มีไฮโดรเจนหนาแน่นในบรรยากาศ และบนพื้นผิวของดาวเคราะห์ ปกคลุมด้วยน้ำเป็นปริมาณมหาศาลระดับมหาสมุทร ทำให้ดาวเคราะห์ไฮเชียนมีแนวโน้มที่เอื้อต่อกำเนิดของชีวิต ทั้งในน้ำบนดาวเคราะห์ และในบรรยากาศของดาวเคราะห์…

...

และศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน เชื่อว่า มีดาวเคราะห์ไฮเชียนในจักรวาลที่สามารถสำรวจศึกษาได้ โดยกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่บนโลก และกล้องโทรทรรศน์อวกาศ

ศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน (ขอบคุณ: มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์)
ศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน (ขอบคุณ: มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์)

ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะตามข่าวเรื่องวันนี้ คือ K2-18b เป็นดาวเคราะห์อยู่ห่างจากโลกประมาณ 124 ปีแสง ในกลุ่มดาวสิงโต มีขนาดประมาณ 2.5 เท่าของโลก มีมวลประมาณ 8.6 เท่าของโลก โคจรรอบดาวแคระแดงชื่อ K2-18 รอบละ 33 วัน อยู่ในย่านบริเวณเรียก “Goldilocks zone” หรือ “ย่านหนูน้อยผมทอง” จากเทพนิยายอังกฤษ Goldilocks and the Three Bears (หนูน้อยผมทองกับหมีสามตัว) หมายถึง ย่านบริเวณรอบดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง ที่มีสภาพแวดล้อมหรืออุณหภูมิพอเหมาะ คือ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป ทำให้ดาวเคราะห์ในย่านบริเวณนี้ มีน้ำในสภาพของเหลวอยู่บนพื้นผิวได้ และจึงเอื้อต่อการกำเนิดและดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต

ดาวเคราะห์ K2-18b ถูกค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เคปเลอร์ (Kepler Space Telescope) เมื่อปี ค.ศ. 2015

ในปี ค.ศ. 2019 มีรายงานการค้นพบไอน้ำในบรรยากาศของ K2-18b กระตุ้นความสนใจของวงการวิทยาศาสตร์ต่อ K2-18b และนำมาสู่การตั้งคำดาวเคราะห์ไฮเชียนโดยศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน ในปี ค.ศ. 2021 โดยมี K2-18b เป็นตัวอย่างแรกที่ชัดเจน

สำหรับผลงานล่าสุดของคณะนักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เป็นผลจากการวิเคราะห์ศึกษาข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์ ที่จับภาพของดาวเคราะห์ K2-18b ขณะเคลื่อนที่ตัดหน้าดาว K2-18

โดยการวิเคราะห์สเปกตรัมของแสงจากดาวฤกษ์ K2-18 ที่เดินทางทะลุผ่านบรรยากาศของดาวเคราะห์ K2-18b นักดาราศาสตร์ก็สามารถวิเคราะห์หาส่วนประกอบบรรยากาศของ K2-18b ได้

จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์ สองครั้ง สองวิธี ได้ข้อมูลออกมาที่ยืนยันความเป็นไปได้ของ “สัญญาณสิ่งมีชีวิต” ในบรรยากาศของ K2-18b คือ พบสารประกอบไดเมทิลซัลไฟด์ (Dimethyl sulfide) และไดเมทิลไดซัลไฟด์ (Dimethyl Disulphide) ซึ่งบนโลก สารเคมีทั้งสองชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในน้ำ คือ แพลงก์ตอนพืช (marine phytoplankton)

สำหรับประเด็นความเชื่อมั่นหรือโอกาสที่ผลการตรวจศึกษาของคณะจะเป็นความบังเอิญหรือไม่ คณะนักดาราศาสตร์กล่าวว่า ผลที่คณะได้สรุปออกมา มีค่าเชิงสถิติความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ “ซิกมา-3” (3-sigma) ซึ่งหมายความว่า ผลที่ได้ออกมา มีโอกาสความเป็นไปได้ 0.3% ที่จะเกิดจากเหตุบังเอิญ...

ซึ่งถ้าจะให้ถึงระดับการยอมรับเป็นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ก็ต้องได้ผลเกินระดับซิกมา-5 (5-sigma) ซึ่งมีความหมายว่า ผลการศึกษามีโอกาสจะเกิดจากความบังเอิญต่ำกว่า 0.00006%

...

แล้วคณะนักดาราศาสตร์ จะทำอย่างไรต่อไป!

เรื่องหนึ่งก็คือ เพิ่มระดับความเชื่อมั่นของผลการศึกษา ให้ถึง ซิกมา-5

ทำอย่างไร?

คณะกำลังรอเพื่อให้ได้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์ ที่ส่องจับดาวเคราะห์ K2-18b ขณะเคลื่อนที่ตัดหน้าดาว K2-18 อีกประมาณ 16-24 ชั่วโมง ก็ “อาจจะ” เพิ่มความน่าเชื่อถือของผลถึงระดับซิกมา-5ได้

ศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน กล่าวสรุปโดยภาพรวม ยอมรับว่า สารเคมีไดเมทิลซัลไฟด์และไดเมทิลไดซัลไฟด์ ที่พบในบรรยากาศของดาวเคราะห์ K2-18b อาจจะเกิดจากกระบวนการเคมีที่ยังไม่รู้จักกัน แต่ปริมาณของสารเคมีทั้งสองชนิดที่พบในบรรยากาศของ K2-18b แตกต่างไปจากที่พบบนโลกของเรามาก...

เพราะที่โลกของเรา สารเคมีทั้งสองชนิดนี้ มีอยู่เป็นปริมาณต่ำกว่าหนึ่งในหนึ่งพันล้านส่วนโดยปริมาณ แต่ที่ K2-18b คาดว่า มีอยู่ถึง สิบในหนึ่งล้านส่วน ซึ่งเป็นปริมาณสูงกว่าที่พบบนโลกหลายพันเท่า

การศึกษาต่อไปอีก จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อความเชื่อมั่นของผลการศึกษา...

แต่ถึงขณะนี้ ตัวศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน ก็มีความมั่นใจถึงระดับกล่าวว่า : “อีกหลายทศวรรษจากวันนี้ไป เราอาจจะมองย้อนกลับสู่วันนี้ และจำได้ว่า นี่อาจจะเป็นจุดพลิกผัน ซึ่งอย่างในทันที คำถามที่ว่า “มีเฉพาะเราเท่านั้นหรือไม่ในจักรวาล?” ก็เป็นคำถามที่เราสามารถตอบได้”

แล้ววงการวิทยาศาสตร์และทั่วไป มีเสียงสะท้อนต่อเรื่องนี้อย่างไร?

กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (ขอบคุณ: NASA)
กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (ขอบคุณ: NASA)

...

เสียงสะท้อนต่อสัญญาณสิ่งมีชีวิตบน K2-18b

นับตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ค.ศ. 2025 หลังรายงานการค้นพบ “สัญญาณสิ่งมีชีวิต” บนดาวเคราะห์ K2-18b โดยคณะนักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เรื่องนี้ก็เป็น “ข่าวใหญ่” ที่สุดเรื่องหนึ่งจากโลกวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับความสนใจจากวงการวิทยาศาสตร์และวงการทั่วไป

โดยภาพรวม อาจแบ่งสื่อหรือความเห็นในเรื่องนี้ เป็นสามกลุ่ม

กลุ่มแรก สื่อทั่วไป ที่จะรายงานเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญจากโลกวิทยาศาสตร์ด้วย
สื่อส่วนใหญ่ในกลุ่มแรกนี้ จะรายงานอย่างใกล้เคียงกันเป็นพาดหัวข่าวประมาณว่า :-

“พบแล้ว ชีวิตนอกระบบสุริยะ!”

“หลักฐานชัด มนุษย์มิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล”

กลุ่มที่สอง สื่อวิทยาศาสตร์ทั่วไป แต่มิใช่สื่อวิชาการประเภทวารสารวิทยาศาสตร์ที่มีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่มักจะมี “ความเห็น” จากนักวิทยาศาสตร์ในเรื่องที่เป็นประเด็นด้วย

สื่อส่วนใหญ่ในกลุ่มที่สองนี้ ก็มีรายงานข่าวเรื่องนี้มาก โดยหัวข่าวจะเป็นทำนองให้ความสำคัญของข่าว แต่มีความเห็นเชิง “ให้รับฟังอย่างใช้วิจารณญาณ” เช่น :-

“พบหลักฐานชีวิตนอกระบบสุริยะ แต่ต้องรอ “การยืนยัน” อีก!”

กลุ่มที่สาม ความเห็นจากนักวิทยาศาสตร์อาชีพ

ส่วนใหญ่ ก็มักจะถูกสัมภาษณ์ความคิดเห็นต่อเรื่องการค้นพบใหม่นี้ เผยแพร่ในสื่อกลุ่มที่สอง

แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์อาชีพจริงๆ ที่ทำงานอยู่กับเรื่องชีวิตต่างดาวหรือ exobiology (ชีววิทยานอกโลก) ส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีความเห็นต่อเรื่องนี้ชัดเจน ยกเว้นจะเป็นการแสดงความเห็นผ่านทางคอลัมน์ประเภท “ความคิดเห็น” ในวารสารวิชาการทางวิทยาศาสตร์

...

แต่โดยภาพรวม ก็มีความคิดเห็นจากนักวิทยาศาสตร์อาชีพที่หลากหลาย สรุปได้เป็น 3 แนวทางใหญ่ คือ :-

หนึ่ง : เห็นด้วยกับบทสรุปของคณะนักดาราศาสตร์ผู้ประกาศการค้นพบ แต่ส่วนใหญ่จะติดตามอย่างเงียบๆ

สอง : ไม่ปฏิเสธหรือเห็นด้วยกับบทสรุปของคณะนักดาราศาสตร์ผู้ประกาศการค้นพบ แต่ให้ติดตาม “การยืนยันผล” ต่อไป

สาม : ปฏิเสธหรือสรุปชัดเจนว่า คณะนักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ด่วนสรุปเกินไป หรือ “ฟันธง” เลยว่า คณะนักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์สรุป “ผิด” เพราะสารเคมีทั้งสองชนิด แม้แต่ที่บนโลก ก็มีที่ถูกผลิตขึ้นมาอย่างไม่ใช่กระบวนการทางอินทรีย์เคมี คือ เกิดขึ้นจากกระบวนการทางเคมีที่ไม่เกิดจากสิ่งมีชีวิต และเชื่อว่า ผลการศึกษาจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์ และอื่นๆ ต่อไปอีก และจากเทคโนโลยีการสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะอื่นๆ อีก จะพิสูจน์ให้เห็นแน่ชัดว่า สัญญาณ “สิ่งมีชีวิต” ในบรรยากาศของ K2-18b ตามรายงานนั้น “ผิด!”

อย่างไรก็ตาม จากภาพรวมทั้งหมดที่ผู้เขียนได้ติดตามศึกษา บทสรุปที่กำลังเป็นอยู่ คือ การค้นพบสัญญาณสิ่งมีชีวิตในบรรยากาศของดาวเคราะห์ K2-18b เป็นสัญญาณที่มี “นัยยะ” ทางวิทยาศาสตร์ที่ “ยังไม่จบ” ซึ่งก็ไม่ขัดแย้งกับบทสรุปของศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน และนักวิทยาศาสตร์อาชีพที่เห็นต่างจากศาสตราจารย์ นิกกู มาธุสุทธัน โดยให้รอผลสรุปชัดเจนขึ้นอีก จากหลักฐานหรือการวิเคราะห์ใหม่ๆ อีก...

และก็มีนักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสื่อวิทยาศาสตร์บางคนบางสื่อ กล่าวถึงกรณีของ K2-18b ว่า คล้ายกับกรณีของการค้นพบแก๊สฟอสฟีน ในบรรยากาศของดาวศุกร์ ที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 2020 ว่า “พบหลักฐานสิ่งมีชีวิตในบรรยากาศของดาวศุกร์” ซึ่งถึงล่าสุด ก็ยังเป็นประเด็นที่ “ยังไม่จบ!”

ระบบสุริยะ
ระบบสุริยะ

“ฟอสฟีน” กับ “ชีวิตในบรรยากาศดาวศุกร์”

เมื่อปีค.ศ. 2020 คณะนักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff University) สหราชอาณาจักร นำโดย ศาสตราจารย์ เจน กรีฟส์ (Jane Greaves) ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับชีวิตนอกโลก ตีพิมพ์รายงานในวารสาร Nature Astronomy (ฉบับวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2020) การค้นพบแก๊สฟอสฟีนในบรรยากาศของดาวศุกร์ มีปริมาณความหนาแน่น 20 ส่วนต่อหนึ่งพันล้านส่วน ที่ระดับความสูงเหนือพื้นผิวดาวศุกร์กว่า 53 กิโลเมตรขึ้นไป

ความหนาแน่น 20 ส่วนต่อหนึ่งพันล้านส่วนอาจดูไม่มากเลย แต่คณะนักดาราศาสตร์ชี้ว่า ฟอสฟีนเป็นแก๊สที่มีเสถียรภาพน้อย และในสภาพบรรยากาศของดาวศุกร์ เมื่อแก๊สฟอสฟีนเกิดขึ้นมา แต่ละโมเลกุลจะอยู่ได้เพียงประมาณ 16 นาที ดังนั้น จึงเป็นประเด็นว่า การที่พบแก๊สฟอสฟีนในระดับที่รายงาน ซึ่งถือว่ามากนั้น ต้องมีแหล่งที่มาเสริมเพิ่มอยู่เสมอ

แล้วฟอสฟีนที่มาเสริมอยู่ตลอดเวลานั้น จะมาจากไหน?

คณะนักดาราศาสตร์กล่าวว่า สำหรับบนโลกแหล่งกำเนิดของฟอสฟีนในธรรมชาติ คือ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำพวกจุลินทรีย์ ส่วนฟอสฟีนที่มีใช้กันอยู่ ก็มีที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรม

ดังนั้น ถึงแม้ฟอสฟีนที่พบในบรรยากาศของดาวศุกร์อาจเกิดจากกระบวนการทางเคมีที่ยังไม่ทราบกัน แต่บทสรุปที่มีความเป็นไปได้สูงก็คือ มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในบรรยากาศของดาวศุกร์เป็น “ตัวผลิต” หลักของฟอสฟีนที่พบ

ในทันทีหลังมีการตีพิมพ์รายงานดังกล่าว บทสรุปของรายงานก็เป็นข่าวใหญ่โด่งดังไปทั่วโลกว่า นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานสิ่งมีชีวิตอยู่ที่ดาวศุกร์

แต่ไม่นานต่อมาก็เริ่มมีรายงานแสดงความคิดเห็นของนักวิทยาศาสตร์ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยต่อๆ มา เสียงที่ “ไม่เห็นด้วย” ก็ “ดังมากขึ้น” ทั้งในแนวทางว่าข้อมูลต้นทางที่คณะนักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ใช้อาจจะผิด และตอกย้ำว่า ฟอสฟีนผลิตขึ้นได้จากกระบวนการทางเคมีที่ไม่เกี่ยวกับชีวิต ซึ่งก็เป็นการขยายคำอธิบายที่คณะนักดาราศาสตร์คิด “เผื่อ” เอาไว้

ต่อมาคณะนักดาราศาสตร์เจ้าของรายงานการค้นพบฟอสฟีนที่ดาวศุกร์ก็ได้รายงานต่อเนื่องจากรายงานขั้นแรกว่า คณะได้ตรวจพบความคลาดเคลื่อนในส่วนของข้อมูลขั้นต้น และได้ลดระดับ “ความเป็นไปได้” ของกำเนิดฟอสฟีนในบรรยากาศของดาวศุกร์จากสิ่งมีชีวิตลง...

แต่ก็ยังยืนยันในบทสรุปรวมว่า ฟอสฟีนที่พบมีที่มาจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในบรรยากาศของดาวศุกร์

จากนั้นมา เรื่องของการค้นพบฟอสฟีนเป็นหลักฐานการมีสิ่งมีชีวิตในบรรยากาศของดาวศุกร์ก็ค่อนข้างเงียบหายไป

จนกระทั่งถึงกลางปี ค.ศ. 2024 ก็มีความเคลื่อนไหวจากคณะนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ มี ดร. เดฟ เคลเมนต์ส (Dave Clements) แห่งมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน (Imperial College London) เป็นหัวหน้าคณะ โดยที่เขาเองเคยเป็นส่วนหนึ่งในทีมงานของศาสตราจารย์ เจน กรีฟส์ ที่รายงานการค้นพบฟอสฟีนในบรรยากาศของดาวศุกร์เมื่อปี ค.ศ. 2020

ดร. เดฟ เคลเมนต์ส ได้รายงานต่อ “ที่ประชุมดาราศาสตร์แห่งชาติ” (National Astronomy Meeting) ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2024 ผลการค้นพบใหม่จากข้อมูลใหม่หนึ่งครั้งในปี ค.ศ. 2023 และอีกสองครั้งในปี ค.ศ. 2023 ...

และเฉพาะจากข้อมูลของปี ค.ศ. 2022 ก็ได้พบแก๊สใหม่ คือ “semiheavy water” (น้ำกึ่งหนัก) มีสูตรเคมี HDO เกิดจากการแทนที่ไฮโดรเจนหนึ่งอะตอมด้วยดิวทีเรียม (deuterium : D) ในโมเลกุลของน้ำปกติ และ...ที่สำคัญ...ก็พบฟอสฟีนด้วย

ถึงแม้ผลการศึกษาใหม่นี้จะยังไม่มีการยืนยันดังเช่นการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญคนอื่น แต่ ดร. เดฟ เคลเมนต์ส ก็มั่นใจในผลครั้งใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลที่ยืนยันการค้นพบฟอสฟีนในบรรยากาศของดาวศุกร์

เรื่องฟอสฟีนกับสิ่งมีชีวิตในบรรยากาศของดาวศุกร์จึงยังไม่จบ และคาดได้ว่า จะมีการศึกษาการถกกันในวงการดาราศาสตร์ต่อไปอีก โดยในส่วนของ ดร. เดฟ เคลเมนต์ส ก็มีข้อมูลอีก 2 ชุดที่ยังไม่เปิดเผยผลการศึกษาออกมา

และอย่างน่าสนใจ จากความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการพบสัญญาณสิ่งมีชีวิตในบรรยากาศของดาวศุกร์ สิ่งหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือ ดาวศุกร์กลับมาเป็นเป้าหมายความสนใจอย่างจริงจังขึ้นมาอีก...

ทั้งโดยนักดาราศาสตร์และองค์การอวกาศ ดังเช่น นาซา (NASA) ที่กำลังดำเนินการโครงการเพื่อส่งยานดาวินชี (DAVINCI) กับยานเวอริตัส (Veritas) และอีซา (ESA) เพื่อส่งยานเอ็นวิชัน (Envision) ทั้งหมดสามลำไปสำรวจดาวศุกร์โดยตรง ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2029-2031

คำถามใหญ่สำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่เล่าสู่ท่านผู้อ่านวันนี้ ก็คือ “มีใครอีกไหมในจักรวาล?” หรือ “ชีวิตต่างดาวมีจริงหรือไม่?”

ผู้เขียนมีคำตอบของผู้เขียนอยู่แล้ว!

ท่านผู้อ่านล่ะครับ มีคำตอบของท่านหรือยัง? ถ้ามี คืออะไรครับ?

ภาพปก : NASA, ESA, CSA, Joseph Olmsted (STScI)