แท็กซี่ VS แกร็บ เลือกไปกับใคร? หลังแท็กซี่ สนามบินสุวรรณภูมิ เรียกร้องยกเลิกตั้งบูธเรียกรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชันในสนามบิน "นายกสมาคมแท็กซี่" เผยรายได้ลดหนัก วิ่งได้ต่ำสุดวันละ 600 บ. ไม่พอค่ากินรายวัน แถมรถป้ายดำวิ่งถูกกว่า วอนรัฐดันกฎแข่งขันเท่าเทียม
กลายเป็นประเด็นอีกครั้ง โดยออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการตั้งบูธเรียกรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชันในสนามบินสุวรรณภูมิ และกลายเป็นความขัดแย้งในพื้นที่สนามบินอีกครั้ง
ศดิศ ใจเที่ยง นายกสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ในสนามบินสุวรรณภูมิมีทั้งกลุ่มที่วิ่งแท็กซี่และวิ่งแกร็บ รวมถึงรถป้ายดำที่เข้ามาวิ่งจำนวนมาก ซึ่งด้วยสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ทำให้จำนวนรายได้ของแท็กซี่ลดลง จากเดิมวิ่งวันละ 3-4 เที่ยว แต่ตอนนี้วิ่งได้เฉลี่ยวันละ 2 เที่ยว หากวันไหนมีผู้โดยสารมากก็วิ่งได้ 3 เที่ยว ทำให้รายได้ของแท็กซี่ลดลง
ถ้าเฉลี่ยรถรับจ้างในสนามบินสุวรรณภูมิที่วิ่งอยู่ในลานโซน D ตอนนี้ 30% เป็นแกร็บ ส่วนอีก 70% เป็นแท็กซี่ ซึ่งรถในลานโซน D ได้ออกเร็วกว่ารถแท็กซี่ที่มีการลงทะเบียนในสนามบินที่อยู่ที่ลานจอดรถโซน B
...
แท็กซี่ออกไปเรียกร้อง จนมีการกล่าวอ้างว่ามีการปิดสนามบิน เนื่องจากรถที่เป็นแกร็บ และรถป้ายดำ ได้ออกเร็วกว่ารถแท็กซี่ที่ลงทะเบียน ถ้าเทียบกันมีราคาที่ถูกกว่า ถ้ามองแล้วผู้ที่ขับแท็กซี่ก็มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากต้องเสียภาษีรายจ่ายที่มากกว่ารถแกร็บ และรถป้ายดำ
หากเทียบต้นทุนที่แท็กซี่ที่ลงทะเบียนในลานจอดแท็กซี่ของสนามบินกับแกร็บที่วิ่งอยู่พบว่า รถแท็กซี่ส่วนใหญ่เป็นรถเช่าซื้อ ต้องจ่ายค่าผ่อนรถขั้นต่ำ 18,000 บาท เฉลี่ยต้องหาเงินมาให้ได้ค่าผ่อนรถวันละ 600 บาท หากไม่มีจ่ายไฟแนนซ์ก็จะมายึดรถ ซึ่งไม่รวมกับค่ากินอยู่รายวัน
ดังนั้น แท็กซี่ต้องหาเงินให้ได้อย่างน้อยวันละ 1,000 บาท เพื่อที่จะมีค่าผ่อนรถวันละ 600 บาท ส่วนอีก 400 เป็นค่ากินและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ถึงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบาย แต่ถ้าเทียบกับรถแกร็บป้ายดำ ค่างวดรถอยู่ที่เฉลี่ยเดือนละ 7,000 – 8,000 บาท
ส่วนค่าประกันภัย ถ้าเป็นแท็กซี่ ต้องจ่ายปีละ 14,000 บาท ต่างจากแกร็บป้ายดำที่จ่ายค่าประกันถูกกว่ามาก สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าแท็กซี่กำลังถูกเอาเปรียบจากแอปพลิเคชันต่างๆ
จึงมีการเสนอให้แก้ไขกฎเกณฑ์ในการบังคับใช้ เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียมดังนี้
1. ให้ผู้ประกอบการแอปพลิเคชันที่กรมการขนส่งรับรอง ให้มีการคาดสีที่ตัวรถ เหมือนกับแท็กซี่สหกรณ์ทั่วไป เพื่อที่จะได้รู้ว่าเป็นรถรับจ้าง
2. ประกันภัยรถแกร็บต้องเป็นมาตรฐานเดียวกับแท็กซี่ ต้องจ่ายปีละประมาณ 14,000 บาท แต่ถ้าเป็นประกันภัยชั้น 1 อยู่ที่ปีละ 34,000 บาท
3. ต้องมีการให้ทำใบขับขี่รถสาธารณะ ที่ใช้ในการขับรถรับจ้างได้ เหมือนกันทั้งแท็กซี่และแกร็บ
4. คนขับต้องมีการแต่งกายที่สุภาพ และบ่งบอกได้ชัดว่าเป็นเครื่องแต่งกายของผู้ที่ขับรถรับจ้างอย่างเหมาะสม
...
5. ให้บริษัทแพลตฟอร์มรถรับจ้างอัปเดตราคาให้เหมาะสม สอดคล้องกับผู้ขับแท็กซี่ เช่น มิเตอร์แท็กซี่ ขับเข้าไปในพื้นที่สุขุมวิท มีราคาประมาณ 400 บาท รวมค่าทางด่วน แต่ของรถรับจ้างป้ายดำ กลับอยู่ที่ราคา 300 บาท เลยทำให้ผู้ใช้บริการหันไปเรียกรถป้ายดำมากกว่าแท็กซี่
“เมื่อวานผมวิ่งแท็กซี่ได้แค่ 600 บาท วิ่งได้ 2 รอบ ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะรอบที่ได้ผู้โดยสารเรียกไปใกล้ ซึ่งรถแท็กซี่ในสนามบินที่ลงทะเบียนถูกต้อง แม้ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องลุ้นว่า ผู้โดยสารที่เรียกจะได้ระยะไกลหรือใกล้ คุ้มกับค่าโดยสารในการวิ่งรถวันนั้นหรือไม่”
การบังคับใช้กฎหมายที่ถูกต้องและเท่าเทียม ช่วยทำให้แท็กซี่และแกร็บมีการแข่งขันที่เหมาะสมมากขึ้น เพราะถ้าได้เท่าเทียมเสมอภาคทุกอย่างจะไม่มีปัญหา ไม่ใช่แค่การวิ่งกันในสนามบิน แต่ในพื้นที่ทั่วประเทศก็จะเกิดการแข่งขันที่เหมาะสมมากขึ้น