เหตุโจมตีผู้บริสุทธิ์กลุ่มเปราะบาง 2 อาทิตย์ติดต่อกันในพื้นที่ชายแดนใต้ สะท้อนความรุนแรงที่สะสมยาวนาน "นักวิชาการ” คาดกลุ่มก่อเหตุเป็นคนรุ่นใหม่ ผิดหวังงบประมาณมหาศาล แต่ไม่มีเทคโนโลยีป้องกันทันสมัย หวังตั้งคณะทำงานดูแลความสงบขึ้นตรงนายกฯ
การก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ก่อเหตุทำร้ายเหยื่อเป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก คนชรา และผู้พิการ สะท้อนความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น แม้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเข้าปีที่ 21 แต่เทคโนโลยีทันสมัยที่นำมาใช้ป้องกันการเกิดเหตุ กลับไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งที่รัฐบาลหลายยุคทุ่มงบประมาณมหาศาลลงมาในพื้นที่ แต่ภาพความรุนแรงที่คนในพื้นที่ต้องเผชิญกลับไม่ลดลง
ทีมข่าวสอบถามไปยัง รองศาสตราจารย์ เอกรินทร์ ต่วนศิริ คณะรัฐศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี วิเคราะห์ว่า การก่อความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ช่วงหลังกระทำกับกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ มีความรุนแรงต่อเนื่องใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนนโยบายรัฐบาลที่มีต่อสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไล่มาตั้งแต่เหตุการณ์ตากใบ ที่หมดอายุความ ทั้งที่รัฐบาลสามารถทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ได้รับผลกระทบได้ แต่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไร สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจ รวมถึงการพูดคุยเจรจาเพื่อสันติภาพ
...
หากดูในแง่การปฏิบัติการใช้ความรุนแรง กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มคนเปราะบาง เช่น เด็ก เณร บุคคลเกี่ยวข้องกับศาสนา แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่ก่อเหตุเป็นคนรุ่นใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ที่มีความยากต่อกลุ่มเป้าหมาย
ความรุนแรงสามจังหวัดชายแดนใต้ เข้าปีที่ 21 จะเห็นว่าช่วงปีแรกเป็นการใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ในช่วงหลังมีการก่อเหตุกับกลุ่มเปราะบาง ที่ไม่ได้มีอาวุธป้องกันตัว ลักษณะการก่อเหตุนี้ คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นคนรุ่นใหม่ แม้ไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่จากการเฝ้าสังเกตสถานการณ์รุนแรง มักมีในลักษณะดังกล่าว
“สถานการณ์ตอนนี้ชาวบ้าน มีความรู้สึกไม่มั่นใจ มีแนวโน้มว่าความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้น มาตรการในมิติความปลอดภัย รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่น พร้อมกับการไม่ไปสร้างเงื่อนไขใหม่ ที่ทำให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น”
ขณะที่อุดมการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ จากยุคก่อนมาสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ แปรเปลี่ยนไปจากปัจจัยของความไม่ได้รับความเป็นธรรม สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นผ่านการทำงานของหน่วยงานรัฐที่ล้มเหลว ไม่สามารถป้องกันการเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ได้
“เมื่อเกิดความรุนแรงในพื้นที่กลับไม่มีคำขอโทษจากหน่วยงานรัฐ หรือบุคคลที่รับผิดชอบ ที่มีอำนาจหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้แต่นายกฯ คำขอโทษว่าตนเองไม่สามารถให้ความคุ้มครองประชาชนในพื้นที่ได้ ก็ไม่เคยเกิดขึ้น มีแต่การประณามผู้ก่อเหตุ ทั้งที่สปิริตของผู้ที่มีอำนาจทางการเมือง หรือคนที่มีบทบาทในการรับผิดชอบในพื้นที่ ต้องออกมาขอโทษประชาชนก่อนว่าเหตุใด ปล่อยให้สถานการณ์ความรุนแรงใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีความรุนแรงกับกลุ่มเปราะบาง”
อีกความล้มเหลวหลังเกิดเหตุต่อเนื่องคือ การค้นหาบุคคลก่อเหตุ มีการจับคนร้ายผิดตัว กรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบสังหารสามเณร ทั้งที่ประชาชนในพื้นที่ต้องการรัฐที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่รัฐที่มีแต่การใช้กำลัง แต่ไม่มีสติปัญญาในการรับมือกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะกว่า 20 ปี ที่เกิดความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัด แต่ทำไมรัฐถึงล้มเหลวได้ขนาดนี้
แนวทางป้องกันก่อเหตุกับกลุ่มเปราะบาง ชายแดนใต้
การก่อเหตุต่อกลุ่มเปราะบาง "รองศาสตราจารย์ เอกรินทร์" มองการแก้ปัญหาว่า หน่วยงานรัฐที่ผ่านมามีงบประมาณมหาศาล ในการลงมาแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ แต่เห็นการใช้เทคโนโลยีทันสมัย ในการป้องกัน หรือค้นหาผู้ก่อเหตุน้อยมาก
งบประมาณลงมายังพื้นที่สามจังหวัด ควรลงไปยังเรื่องการพัฒนาพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น ให้เกิดการป้องกัน แต่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อื่น
...
“หลังเกิดเหตุต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่หวาดระแวง และไม่ต้องการอยู่ใกล้กับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องทำอย่างไร ให้ประชาชนรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความปลอดภัย สามารถป้องกันอันตรายให้กับพวกเขาได้ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่รัฐเองก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องทำการปรับภาพลักษณ์ตรงนี้ เพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่าสามารถฝากผีฝากไข้ได้”
รัฐบาลควรมีนโยบายเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีคณะทำงานแต่งตั้งเป็นการเฉพาะ โดยมีตัวแทนของรัฐบาลที่ได้รับคำสั่งจากนายกฯ โดยตรง เพราะตอนนี้แทบไม่เห็นรูปแบบการทำงานเหล่านี้ ทั้งที่รัฐบาลเหลือการทำงานอีก 2 ปี
สถานการณ์ความรุนแรงของสามจังหวัดชายแดน ที่เข้าสู่ปีที่ 21 ความรุนแรงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบเดิม อยากเรียกให้รัฐบาลใช้เทคโนโลยีในการป้องกัน เพื่อไม่ให้ประชาชนสูญเสียมากไปกว่านี้ เราต้องการเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับอุปกรณ์ป้องกันที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะเราเห็นการใช้งบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จากข้อมูล สถิติความสูญเสียและการเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547 – 2566 ที่รวบรวมโดยกลุ่มงานเยียวยา ศอ.บต. พบว่า มีประชาชนเสียชีวิต 3,610 ราย เจ้าหน้าที่รัฐ 2,236 ราย รวมทั้งหมด 5,846 ราย
ด้านงบประมาณการช่วยเหลือด้านร่างกายตลอด 20 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 3,349,507,743 ส่วนงบประมาณการช่วยเหลือด้านทรัพย์สิน รวมทั้งสิ้น 919,768,531 ทั้งนี้รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งหมด 4,269,276,274