เนื่องในโอกาสวันแรงงานสากล 1 พ.ค. 2025 ทางสหภาพคนทำงานได้จัดงานวันกรรมกรสากล โดยการเดินขบวนของกลุ่มไรเดอร์, แรงงานยานภัณฑ์, แม่บ้านกองสลาก, Sex Worker, และกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยขบวนเริ่มเดินจากบริเวณหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เวลา 16.30 น. ไปยังสถานที่จัดงานบริเวณหน้าหอศิลป์ (BACC)ยามิน (นามสมมุติ) หนึ่งในแรงงานข้ามชาติสัญชาติเมียนมา ที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยมาแล้วกว่า 30 ปี ได้เข้าร่วมงานและกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุที่เธอตัดสินใจมาร่วมงานวันแรงงานสากลเพราะว่าต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยกลับไปใช้การต่ออายุใบอนุญาตทำงานแบบเดิมโดยการต่ออายุใบอนุญาตทำงานแบบใหม่หรือที่เรียกว่า Pre-MOU 2568 มีที่มาจากมติ ครม. 24 กันยายน 2567 ที่ให้ขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติสัญชาติกัมพูชาและพม่าตามระบบข้อตกลง โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง แต่สามารถขึ้นทะเบียนผ่านสถานทูตได้ แรงงานเมียนมาจึงเกิดความกังวลว่า จากแต่เดิมที่เป็นการลงทะเบียนฝ่ายเดียวของรัฐบาลไทย การลงทะเบียนแบบใหม่นี้สร้างความหวาดระแวงให้กับพวกเขา เนื่องจากจะต้องจ่ายเงินให้รัฐบาลทหารพม่า และรัฐบาลทหารพม่าจะนำข้อมูลของพวกเขาไปใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ดี“เราไม่ยอมให้เงินรัฐบาลทหารพม่าเพราะพวกเขาเป็นคนไม่ดี แต่เรายินดีจ่ายเงินให้รัฐบาลไทย” ยามินกล่าวโดยปัจจุบัน ยามินทำงานอยู่ในร้านเสริมสวยได้ค่าแรงวันละ 300 บาท เธอกล่าวว่ารู้สึกกังวลกับกระแสต่อต้านแรงงานข้ามชาติที่รุนแรงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่าอยากให้คนต่างชาติกับคนไทยทำงานร่วมกัน อยู่กันอย่างพี่น้องดูแลซึ่งกันและกันทางด้านวีระ แสงทอง แกนนำกลุ่มแรงงานข้ามชาติเมียนมาที่ใช้ชื่อว่า Bright Future ระบุว่า วันนี้มีแรงงานเมียนมากว่า 60-70 คนเข้าร่วมกิจกรรม โดยเขาแสดงความกังวลว่ามีคนบางกลุ่มอ้างว่าแรงงานข้ามชาติไม่มีสิทธิในการชุมนุมในประเทศไทย โดยมีความพยายามผลักให้กลุ่มแรงงานข้ามชาติกลายเป็นพลเมืองชั้นสองที่ไม่มีสิทธิในการแสดงออก“คนทุกคนมีสิทธิชุมนุม”วีระกล่าว พร้อมบอกว่าวันนี้เขารู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายแรงงานกลุ่มอื่นๆ ทั้ง 12 กลุ่ม แต่เขาตระหนักดีว่าการเชิญชวนแรงงานข้ามชาติออกมาร่วมกิจกรรมเช่นนี้ มีความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา นักวิชาการอิสระด้านแรงงาน ได้ชี้แจงว่า วันแรงงานสากลเป็นประเพณีที่คนงานทั่วโลกจะออกมาจัดกิจกรรมร่วมกัน การที่ประเทศไทยมีทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติมาร่วมกิจกรรมกันนั้น เป็นการสะท้อนว่าประเทศไทยมีคนงานที่หลากหลาย และการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงออกเป็นเรื่องที่ดี พร้อมเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ“มันมีข้อห้ามอะไรที่บอกว่าแรงงานข้ามชาติห้ามชุมนุม? กฎหมายบ้านเราไม่ได้ยกเว้น คนที่มาทำงานในประเทศไทยได้รับความคุ้มครองเท่ากับคนงานไทย เป็นสิทธิเสรีภาพของทุกคน”ศักดินากล่าว พร้อมตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่แรงงานข้ามชาติมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านมิน ออง หล่าย ผู้นำเผด็จการทหารพม่า ที่มีความพยายามเชื่อมโยงนำประเด็นทางการเมืองเข้ามาในงานกิจกรรม ศักดินามองว่าแรงงานก็คือคนคนหนึ่ง และการเมืองกับคนนั้นแยกกันไม่ได้ เขามองว่าไม่มีอะไรในชีวิตนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และการเรียกร้องประชาธิปไตยควรเป็นเรื่องปกติที่ได้รับการยอมรับศักดินาไม่อยากให้สังคมไทยกังวลเกินเหตุ และในขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่ประเทศไทยมีการรัฐประหาร ก็เป็นเรื่องปกติที่คนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างแดนจะออกมาเคลื่อนไหวแสดงออกต่อต้านเผด็จการ เขามองว่าสังคมไทยควรมองเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องปกติ และวันแรงงานสากลก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีการชุมนุมของคนงานพร้อมกันทั่วโลกอีกทั้งเขายังกล่าวว่า ประเทศไทยตอนนี้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ ดังนั้นต้องยอมรับว่าประเทศไทยขาดแคลนแรงงานข้ามชาติไม่ได้ และการมีอยู่ของแรงงานข้ามชาติช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย และเมื่อพวกเขาเข้ามาอาศัยอยู่และทำงานในประเทศไทยแล้วนั้น คนไทยควรที่จะเปิดใจรับฟังปัญหาที่พวกเขาต้องการสื่อสารออกมาในขณะที่เข็มหมุด ที่เป็นสมาชิกของสหภาพคนทำงานที่เป็นผู้จัดงานมองว่า แรงงานข้ามชาติมีส่วนในการช่วยสร้างเศรษฐกิจของไทยให้เจริญเติบโต พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจไทย การที่ประเทศไทยมีสิ่งก่อสร้างต่างๆ ส่วนหนึ่งมาจากแรงงานข้ามชาติ“ประเทศนี้ไม่ได้มีแค่คนงานไทย แต่มีคนต่างชาติด้วยที่ช่วยกันสร้างประเทศนี้ขึ้นมา” เข็มหมุดกล่าวเธอเล่าถึงที่มาในการชักชวนแรงงานข้ามชาติมาเข้าร่วมกิจกรรมเพราะมองว่า พวกเขาคือกลุ่มเปราะบาง ที่มักถูกกดขี่จากนายจ้างและรัฐโดยไร้อำนาจต่อรอง ดังนั้นในการขับเคลื่อนประเด็นแรงงาน สหภาพคนทำงานมองว่าแรงงานทุกคนต้องเข้มแข็งไปพร้อมกันโดยภายในงานวันกรรมกรสากล ที่จัดขึ้นบริเวณหน้าหอศิลป์ (BACC) ในช่วงเย็นนั้น มีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายทั้งวงเสวนา “แรงงานเหมือนกัน คุ้มครองเท่ากัน” ที่ร่วมพูดคุยโดยสหัสวัต คุ้มคง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน, ศรีไพร นนทรีย์ นักเคลื่อนไหวแรงงานและนักจัดตั้งของกลุ่มสหภาพแรงงาน ย่านรังสิตและใกล้เคียง, และเรเน่ เรวิกา ไรเดอร์หญิงและนักเคลื่อนไหวแรงงาน ก่อนที่ในช่วงสุดท้ายจะมีการอ่านแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อยกระดับกฎหมายคุ้มครองแรงงาน