แกะรอย “อดีตผู้กำกับโจ้” แม้ผลชันสูตรเบื้องต้นระบุเป็นการปลิดชีวิตตัวเอง แต่ญาติยังคาใจ “ผู้เชี่ยวชาญนิติเวช” วิเคราะห์หลักฐานสำคัญ เงื่อนที่ใช้ผูกผ้าขนหนู รอยรอบคอ และภาพวงจรปิดแบบยาวที่ใช้ในการไล่ไทม์ไลน์
วันนี้ (9 มี.ค. 68) เจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือ และลงความเห็นการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยตนเอง ก่อนญาติอดีต ผกก. โจ้ จะขอนำร่างจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ไปชันสูตร ณ โรงพยาบาลจุฬา
ด้านตำรวจที่ สน.ประชาชื่น วันนี้ พล.ต.ต. สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. มอบหมายให้ พล.ต.ต. เจษฎา สวยสม ผบก.น.2 แถลงคดีดังกล่าวว่า โดยมีการประชุมติดตามเร่งรัดคดี ทั้งในส่วนคดีที่ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตและถูกทำร้ายร่างกาย คดีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เบื้องต้นมีการเก็บพยานหลักฐานในพื้นที่มาครบแล้ว รวมถึงกล้องวงจรปิดทั้งหมด หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียด โดยเฉพาะผ้าขนหนูที่ผู้กำกับโจ้ใช้ในการก่อเหตุ ความยาวของผ้า
ตอนนี้ยังระบุไม่ได้ เนื่องจากพบว่าเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้ตัดออกเพื่อช่วยเหลือและเข้าไปด้านในห้องขังเดี่ยว
...
การเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ที่ญาติยังติดใจ รศ.นพ. วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมามีการทำสถิติการฆ่าตัวตายในเรือนจำ เมื่อ 20 ปีก่อนพบว่ามี 8.5 คนต่อ 1 แสนคนของผู้ต้องขัง ถ้าเทียบคนที่ถูกจองจำมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าคนที่อยู่ภายนอกเฉลี่ยประมาณ 0.5 หากเทียบตอนนี้มีผู้ต้องขังอยู่จำนวน 3 แสนคน คาดว่าจะมีผู้ต้องขังประมาณ 20 คน/ปี ที่เสียชีวิตจากการแขวนคอตัวเอง
“การปลิดชีวิตตัวเองของนักโทษในเรือนจำ อันดับ 1. แขวนคอ 2. กระโดดลงมาจากที่สูง โดยพบมากในกลุ่มของนักโทษที่เพิ่งเข้ามาในเรือนจำ หรือคนที่เข้ามาระหว่างรอพิจารณาคดี จะมีความเครียดมากระหว่างรอพิพากษา ส่วนคนที่อยู่นานแล้ว ต้นเหตุจะมาจากการที่ภรรยาที่อยู่ภายนอก ครอบครัวมีการสูญเสีย ไปมีสามีใหม่ อีกกลุ่มจะมีแรงกดดันจากภายในเรือนจำ เช่น ทะเลาะวิวาท ถูกบังคับขู่เข็ญ”
ความต่างระหว่าง แขวนคอ-รัดคอ
คดีของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่เสียชีวิตในเรือนจำ ในเชิงนิติวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นการแขวนคอเอง หรือถูกรัดคอให้เสียชีวิต โดย รศ.นพ.วีระศักดิ์ ให้ความเห็นว่า การแขวนคอจากจุดใดจุดหนึ่งแล้วห้อยลงมา ไม่จำเป็นว่าขาต้องลอยอาจจะนั่ง คุกเข่า หรือนอน การเสียชีวิตเกิดจากเส้นเลือดดำ แดง บริเวณรอบคอ ไม่ไหลเวียนไปเลี้ยงสมอง ซึ่งผู้ตายเพียงทิ้งน้ำหนักศีรษะลงมาก็ทำให้ตายได้
การกระทำโดยการทำร้ายตัวเองเพียง 10 – 15 นาที จะมีการหมดสติ แต่ยังไม่เสียชีวิต แต่ผู้ตายจะทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัว ซึ่งหลังจากนั้นอีก 4 นาที สมองจะตายทำให้เสียชีวิต ผู้ตายจะไม่มีรอยเล็บจิกบริเวณลำคอ สภาพศพถ้าขาลอยหน้าจะซีด แต่ถ้าขาไม่ลอยสภาพศพจะหน้าคล้ำ
การรัดคอ เป็นการถูกผู้อื่นมากระทำ ใช้เชือก ผ้า มารัดจากด้านหลัง กรณีนี้ถ้าผู้ตายยังมีสติมีการขัดขืนต่อสู้ อย่างแรกจะพยายามแกะเชือกและผ้าที่รัดรอบลำคอ ทำให้สภาพศพจะมีรอยเล็บจิกรอบลำคอ ถ้าคนตายถูกกระทำระหว่างที่ไม่มีสติ มีร่องรอยบอบช้ำภายในที่ต้องใช้การผ่าชันสูตร โดยศพส่วนใหญ่ใบหน้าจะคล้ำ
ข้อสงสัยเกี่ยวกับผ้าขนหนู ไม่ว่าจะมีขนาดยาวหรือสั้นแค่ไหน ถ้ารัดรอบลำคอได้ ก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้ ขนาดของผ้า ไม่จำเป็นต้องกว้างหรือหนามาก เพราะตามข้อมูลระบุว่า เป็นการนั่งแล้วโน้มตัวมาด้านหน้า ซึ่งต่างจากกรณีที่ขาลอย ที่ต้องใช้ผ้าที่มีความหนา ไม่อย่างนั้นจะขาดลงมา
...
ที่น่าสนใจคือ ผู้กำกับโจ้ รัดผ้าขนหนูด้วยเงื่อนอย่างไร จะมีผลทำให้เสียชีวิตได้ หลักฐานสำคัญในที่เกิดเหตุ ถ้ามีการเคลื่อนย้ายร่าง และปลดผ้าที่พันอยู่อย่างไม่ถูกวิธี จะมีผลทำให้หลักฐานในสถานที่เกิดเหตุไม่สมบูรณ์ได้ สิ่งนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไปให้น้ำหนักกับการผ่าชันสูตรศพมากกว่า
การตรวจหาดีเอ็นเอบนผ้าขนหนู ถ้าไม่มีการปนเปื้อนหรือสัมผัสในระหว่างการช่วยเหลือ ซึ่งปกติการเสียชีวิตในเรือนจำจะมี 4 หน่วยงานเข้าไปเก็บหลักฐานอย่างดี ถ้าเป็นการฆ่าตัวตายจะมีดีเอ็นเอของผู้ตายบนผ้าขนหนูอย่างเดียว แต่ถ้ามีการปนเปื้อนต้องมีการตรวจสอบ กรณีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ ส่วนตัวยังให้น้ำหนักกับพยานหลักฐานในการผ่าชันสูตรศพมากกว่า
รศ.นพ.วีระศักดิ์ มองหลักฐานสำคัญในคดีนี้ เมื่อเกิดเหตุขึ้นในหน่วยงานของรัฐ และญาติยังคาใจ การเปิดกล้องวงจรปิดแบบยาว เพื่อพิสูจน์ความจริงให้ญาติดูถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะตอนนี้ที่เปิดออกมาจะมีภาพเป็นช็อต ที่ผ่านมากตัดมาแล้ว สิ่งสำคัญถ้ามีการสืบทราบว่าต้นเหตุมาจากแรงกดดันภายใน กรมราชทัณฑ์ ก็ต้องหาแนวทางแก้ให้ชัดเจน
...
ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย