วันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2025 คณะนักวิทยาศาสตร์ที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอเรนซ์เบิร์กลีย์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และที่มหาวิทยาลัยฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ตีพิมพ์ในวารสาร Nature และ Nature Astronomy รายงานผลการศึกษาล่าสุดตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู (Bennu) หนึ่งในดาวเคราะห์น้อยคุกคามโลกที่เก็บโดยยานโอไซริส-เร็กซ์ (OSIRIS-REx)

“เชื่อ คิดและทำ อย่างวิทยาศาสตร์” วันนี้ ขอนำท่านผู้อ่านไปดูผลสรุปรวมการศึกษาตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู ซึ่งมีผลต่อคำถามใหญ่เรื่องแหล่งหรือกำเนิดที่มาของชีวิตบนโลกด้วย ไปรู้จักกับเด็กอายุ 9 ขวบ ผู้ชนะการประกวดตั้งชื่อดาวเคราะห์น้อยเบนนู จากทั้งหมดกว่าแปดพันชื่อ และได้เป็น “ทูตโครงการโอไซริส-เร็กซ์” ของนาซา และไปติดตามภารกิจใหม่ของยานโอไซริส-เร็กซ์ ในชื่อใหม่ โอไซริส-เอเพ็กซ์ (OSIRIS-APEX) ที่จะเดินทางต่อไปอีก เพื่อศึกษาดาวเคราะห์น้อยคุกคามโลกอีกดวงหนึ่ง ชื่อ อะโพฟิส (Apophis) 

ดาวเคราะห์น้อยเบนนู (ขอบคุณภาพ : NASA)
ดาวเคราะห์น้อยเบนนู (ขอบคุณภาพ : NASA)

...

ภารกิจยานโอไซริส-เร็กซ์กับดาวเคราะห์น้อยเบนนู

โครงการโอไซริส-เร็กซ์ของนาซา อยู่ภายใต้การบริหารจัดการด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมยานอวกาศของศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ด (Goddard Space Flight Center) ในเมืองกรีนเบลต์ รัฐแมรีแลนด์ เป้าหมายของโครงการคือการศึกษาและเก็บตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู

ดาวเคราะห์น้อยเบนนูเป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็ก (ประมาณครึ่งกิโลเมตร) แต่ได้รับความสนใจมากเพราะเป็นดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกและมีความเสี่ยงระดับสูงต่อการชนโลก มีวิถีโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยเฉลี่ยประมาณ 168 ล้านกิโลเมตร เปรียบเทียบกับของโลกโดยเฉลี่ยประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร และจะเข้าใกล้โลกมากที่สุดทุกประมาณ 6 ปี ที่ระยะห่างจากโลก 299,000 กิโลเมตร เปรียบเทียบกับดวงจันทร์ที่อยู่ห่างจากโลกโดยเฉลี่ยประมาณ 380,000 กิโลเมตร

เป้าหมายหลักของนาซาในการเลือกศึกษาและเก็บตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู ก็เพราะคาดกันว่าเบนนูเป็นดาวเคราะห์น้อยมีกำเนิดตั้งแต่ระยะแรกเริ่มของระบบสุริยะ คือ พร้อมๆ กับโลก จึงเป็นเสมือนกับ “แคปซูลเวลา” (time capsule) ของระบบสุริยะ และต้องการศึกษาความเป็นไปได้ (หรือไม่) ที่ดาวเคราะห์น้อยเบนนูอาจจะมีส่วนประกอบซึ่งบ่งบอกเกี่ยวกับกำเนิดของชีวิตบนโลก

ยานโอไซริส-เร็กซ์  (ขอบคุณภาพ : NASA)
ยานโอไซริส-เร็กซ์ (ขอบคุณภาพ : NASA)

ที่มาของชื่อ “เบนนู”

ดาวเคราะห์น้อยเบนนูถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1999 และได้รับการกำหนดชื่อเรียกเป็น 199RQ36 แต่ต่อมาก็ได้รับการตั้งชื่อเรียกเป็น 101955 Bennu จากการประกวดระดับนานาชาติ สำหรับโครงการโอไซริส-เร็กซ์ของนาซา

การประกวดตั้งชื่อจัดโดยสมาคมดาวเคราะห์ (The Planetary Society) ร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งอริโซนา และโครงการลิเนียร์ (Linear Project) เฝ้าระวังวัตถุใกล้โลก ในปี ค.ศ. 2012 ไมเคิล พูซิโอ (Michael Puzio) นักเรียนเกรดสาม อายุ 9 ปี จากคาโรไลนาเหนือ เป็นผู้ชนะการประกวดจากจำนวนที่เสนอทั้งหมดมากกว่าแปดพันชื่อ

เบนนู เป็นชื่อเรียก นก ในเทพปกรณัมอียิปต์ มีลักษณะคล้ายนกกระสา และไมเคิล พูซิโอ ตั้งชื่อของดาวเคราะห์น้อยเบนนูตามลักษณะของยานโอไซริส-เร็กซ์ ที่มีส่วนเป็นท่อนแขนหรือปากยาวยื่นจากตัวยาน เพื่อเก็บตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู ซึ่งตามเทพปกรณัมอียิปต์ เบนนูก็เป็นนกที่เกี่ยวพันเทพโอไซริสของอียิปต์ ที่เป็นเทพแห่ง “การเกิดใหม่” โดยที่นกเบนนูก็เป็น “นกที่ฟื้นจากความตาย” ได้ และเป็นต้นแบบของนกในตำนานหลายประเทศที่ “ฟื้นจากความตาย” ดังเช่น นกฟีนิกซ์ (Phoenix) ของกรีกโบราณ

สำหรับชื่อยานโอไซริส-เร็กซ์ ถูกตั้งตามคำแสดงภารกิจของยานที่ผสมรวมกันเป็น OSIRIS-REx ดังนี้:

  • O-Origin (กำเนิด)
  • SI-Spectral Interpretation (การแปลความหมายของสเปกตรัม)
  • RI-Resource Identification (การตรวจสอบทรัพยากร)
  • Security (ความปลอดภัย: จากวัตถุใกล้โลก)
  • Rex-Regolith Explorer (การสำรวจดินหินร่วนบนพื้นผิวดาวเคราะห์น้อย) 

...

รวมกันแล้ว โอไซริส-เร็กซ์ เป็นยานเพื่อสำรวจกำเนิดที่มาของดาวเคราะห์น้อยเบนนูและระบบสุริยะ โดยเครื่องตรวจศึกษาสเปกตรัม สำรวจทรัพยากรบนดาวเคราะห์น้อย ศึกษาความเสี่ยงการคุกคามโลกของดาวเคราะห์น้อย และสำรวจศึกษาตะกอนหินเรียกเรโกลิท (regolith) บนผิวของดาวเคราะห์น้อย 

ผลปฏิบัติการของโอไซริส-เร็กซ์

ยานโอไซริส-เร็กซ์ ออกเดินทางจากโลกวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2016 เดินทางถึงดาวเคราะห์น้อยเบนนูวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 2018 โคจรอยู่รอบเบนนูเป็นเวลาสองปี เพื่อศึกษาและหาตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเก็บตัวอย่างจากพื้นผิวเบนนู

วันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2020 โอไซริส-เร็กซ์ลงสัมผัสเบนนู และใช้แขนหรือปากยาวแตะสัมผัสเพื่อเก็บตัวอย่างดินบนพื้นผิวเบนนูได้สำเร็จ เก็บตัวอย่างได้เป็นปริมาณ 121.6 กรัม

วันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 หลังปฏิบัติการเก็บตัวอย่าง และสำรวจดาวเคราะห์น้อยเบนนูตามแผนแล้ว ยานโอไซริส-เร็กซ์ ก็เดินทางจากเบนนูมุ่งกลับคืนสู่โลก เพื่อนำส่งตัวอย่างเก็บจากเบนนูลงสู่โลก

วันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2023 แคปซูลเก็บตัวอย่างจากเบนนูถูกปล่อยจากยานโอไซริส-เร็กซ์ ลงสู่โลกได้อย่างเรียบร้อยโดยร่มชูชีพ ที่ฐานทดสอบและการฝึกยูทาห์ (Utah Test and Training Range) ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ อยู่ใกล้เมืองซอลต์เลกซิตี รัฐยูทาห์

แคปซูลเก็บตัวอย่างเบนนู (ขอบคุณภาพ : NASA)
แคปซูลเก็บตัวอย่างเบนนู (ขอบคุณภาพ : NASA)

...

จากนั้น ตัวอย่างจากเบนนูก็ถูกส่งต่อไปยังศูนย์อวกาศจอห์นสัน (Johnson Space Center) ที่เมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส เพื่อการศึกษาวิจัยต่อไป

สำหรับยานโอไซริส-เร็กซ์ หลังจากส่งตัวอย่างจากเบนนูลงสู่โลกแล้ว ก็เป็นอันจบสิ้นภารกิจหลักอย่างสมบูรณ์

แต่จากผลการปฏิบัติงานที่ดี...บางอย่างเกินคาด ดังเช่น การเก็บตัวอย่างจากเบนนูที่ได้มากกว่าที่กำหนดตามแผนถึงประมาณสองเท่า และสภาพของยานโอไซริส-เร็กซ์ ที่ยังดีอยู่มาก นาซาจึง “ต่ออายุ” ให้โอไซริส-เร็กซ์ เดินทางต่อไปอีก...

เพื่อศึกษาดาวเคราะห์น้อยที่คุกคามโลกอีกดวงหนึ่ง คือ อะโพฟิส มีกำหนดจะเดินทางถึงปี ค.ศ. 2029 

ผลการศึกษาตัวอย่างจากเบนนูถึงล่าสุด

หลังการวิเคราะห์ศึกษาขั้นต้นโดยห้องแล็บของนาซาที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน นาซาก็ได้ส่งตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบนนูให้ห้องแล็บในสหรัฐอเมริกา และในประเทศอื่นๆ เช่น บางประเทศในยุโรป แคนาดา ญี่ปุ่น ฯลฯ โดยนาซากล่าวว่า มีนักวิทยาศาสตร์ได้ร่วมวิเคราะห์ศึกษาเป็นจำนวนประมาณ 200 คน และมีการตีพิมพ์เผยแพร่ผลการศึกษาเป็นระยะๆ มา

...

จนกระทั่งถึงล่าสุด ในรายงานการศึกษาสองฉบับตีพิมพ์ในวารสาร Nature และ Nature Astronomy ฉบับวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2025 ก็มีรายงานสรุปของนาซาเอง เผยแพร่ในวันเดียวกัน (ในเว็บไซต์ www.nasa.gov) สรุปรวมผลการศึกษาตัวอย่างจากเบนนูทั้งหมด ทั้งล่าสุดและที่มีมาก่อน น่าสนใจเป็นพิเศษ มีเช่น:

  • เบนนูเป็น “แคปซูลเวลา” ของระบบสุริยะจริง
  • พบหลักฐานการมีอยู่มากของน้ำ เป็นส่วนประกอบของสารประกอบพบในอวกาศและบนเบนนู
  • ไม่พบหลักฐานของ “ชีวิต” จริงๆ แต่พบองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นต่อการก่อกำเนิดหรือการดำรงอยู่ของชีวิต ดังเช่น กรดอะมิโน ที่เป็นโมเลกุลพื้นฐานของการเกิดเป็น “โปรตีน” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการเกิดเป็นเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งมนุษย์

ภาพสรุปใหญ่ของนาซา ผลการศึกษาล่าสุด คือ ได้คำตอบมากมายที่ “ยืนยัน” ความเป็นไปได้ของการก่อกำเนิดของสิ่งมีชีวิตในอวกาศและบนเบนนู แต่ก็ยังมี “คำถามใหญ่” มากมาย ที่จะต้องรอหลักฐานข้อมูลจากการสำรวจศึกษาดาวเคราะห์น้อยดังเช่น เบนนู ทั้งจากทางไกลโดยกล้องโทรทรรศน์ และการสำรวจโดยตรง โดยยานอวกาศที่ต้องมีการออกแบบพิเศษ เพื่อตอบโจทย์ที่ยังไม่มีคำตอบ

แล้วคำถามเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการที่โลกจะถูกชนโดยเบนนูล่ะ? 

ความเสี่ยงที่โลกจะถูกเบนนูชน

ถึงแม้เบนนูจะเป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็ก แต่ถ้าชนโลก ก็สร้างความหายนะใหญ่หลวงได้

เบนนูถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของดาวเคราะห์น้อยคุกคามโลก แต่ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ โอกาสที่เบนนูจะชนโลกมากที่สุดในอนาคต คือ ปี ค.ศ. 2182 คือ อีก 157 ปี โดยมีโอกาสเกิดขึ้น 0.037%

ทว่า จากการที่เบนนูมีขนาดเล็ก ดังนั้น การถูกรบกวนที่ผิดปกติเพียงเล็กน้อย ก็อาจเปลี่ยนวิถีโคจรได้

จากการลงเก็บตัวอย่างของเบนนูโดยโอไซริส-เร็กซ์ ซึ่งก็มีการสัมผัสเพียง “เบาๆ” แต่ก็พบว่า อาจมีผลต่อการเคลื่อนที่ของเบนนูได้

ในสภาพที่เป็นอยู่ การโคจรของเบนนูขึ้นอยู่กับแรงดึงดูดโน้มถ่วงของโลกเป็นสำคัญ เพราะอยู่ใกล้โลกมาก ดังนั้น ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงต่อการเคลื่อนที่ของโลกแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะมีผลต่อแรงดึงดูดโน้มถ่วงของโลกต่อเบนนูได้

ทว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในอวกาศรอบเบนนู เช่น อุณหภูมิ ก็อาจมีผลต่อวิถีโคจรของเบนนูได้

ดังนั้น บทสรุปรวมจึงเป็นว่า แม้เบนนูจะไม่มีความเสี่ยงต่อการชนโลกมากในอนาคตที่ไม่ไกลนัก แต่ก็ต้อง “เฝ้าระวัง” อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ดังที่ระบบการเฝ้าระวังวัตถุใกล้โลกกำลังทำงานกันอยู่ 

ภารกิจใหม่และชื่อใหม่ของโอไซริส-เร็กซ์ สำรวจอะโพฟิส

หลังความสำเร็จของโอไซริส-เร็กซ์ ในการเก็บตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู ในปี ค.ศ. 2022 นาซาก็วางแผนกำหนดภารกิจใหม่แก่โอไซริส-เร็กซ์ โดยให้เดินทางต่อไปเพื่อสำรวจศึกษาดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิสต่อ หลังการส่งตัวอย่างเก็บจากเบนนูลงสู่โลกในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2023

ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส มีขนาดเล็กกว่าเบนนูไม่มากนัก คือ อะโพฟิสมีขนาดประมาณ 340 เมตร ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 2004 และก็สร้างความตื่นตระหนกแก่มนุษย์บนโลกเพราะถูกคาดว่ามีโอกาส 0.7% ที่จะชนโลกในปี ค.ศ. 2029

ดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิส (ขอบคุณภาพ : NASA)
ดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิส (ขอบคุณภาพ : NASA)

แต่ต่อมา จากการจับตาศึกษาอะโพฟิสอย่างใกล้ชิด ก็มีรายงานใหม่ว่า อะโพฟิสจะไม่ชนโลกในปี ค.ศ. 2029 แต่จะเข้ามาใกล้โลกมากกว่าวิถีโคจรของดาวเทียมค้างฟ้าเสียอีก คือ อะโพฟิสจะเฉียดโลกที่ระยะห่างจากผิวโลกเพียงประมาณ 32,000 กิโลเมตร ในขณะที่ดาวเทียมค้างฟ้าจะอยู่ที่ระยะห่างจากพื้นผิวโลกเหนือเส้นศูนย์สูตรประมาณ 36,000 กิโลเมตร

สำหรับภารกิจใหม่ นาซาเปลี่ยนชื่อของยาน OSIRIS-REx เป็น โอไซริส-เอเพ็กซ์ (OSIRIS-APEX) โดยที่ APEX คือ Apophis Explorer (ผู้สำรวจอะโพฟิส) และยานโอไซริส-เร็กซ์ จะเดินทางถึงอะโพฟิสเดือนเมษายน ค.ศ. 2029 ในช่วงเวลาที่อะโพฟิสจะเข้าใกล้โลกที่สุด

ยานโอไซริส-เอเพ็กซ์ จะโคจรศึกษาดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิสเป็นเวลาประมาณ 18 เดือน และจะทดลองใช้แขนที่ยื่นเพื่อเก็บตัวอย่างของเบนนูไปแตะกับพื้นผิวของอะโพฟิสด้วย แต่จะไม่มีการเก็บตัวอย่าง เพราะส่วนหัวที่เก็บตัวอย่างได้ถูกใช้ไปกับเบนนูแล้ว

นอกเหนือไปจากการสำรวจศึกษาอะโพฟิส ยานโอไซริส-เอเพ็กซ์ ก็จะศึกษาอะโพฟิสในฐานะเป็นดาวเคราะห์น้อยคุกคามโลกด้วย เพื่อเป็นอีกส่วนหนึ่งในการเตรียมการเพื่อป้องกันโลก ถ้าโลกจะถูกชน 

ยานโอไซริส-เอเพ็กซ์  (ขอบคุณภาพ : NASA)
ยานโอไซริส-เอเพ็กซ์ (ขอบคุณภาพ : NASA)

ความฝันสู่ดวงดาวของผู้ตั้งชื่อ “เบนนู”

หลังจากที่แคปซูลเก็บตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู ถูกปล่อยลงสู่พื้นโลกโดยยานโอไซริส-เร็กซ์ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2023 แล้ว ไมเคิล พูซิโอ ผู้ชนะการประกวดตั้งชื่อดาวเคราะห์น้อยจากจำนวนกว่า 8,000 ชื่อ ก็ถูกสัมภาษณ์โดยสมาคมดาวเคราะห์ ในฐานะเป็น “แขกพิเศษ” ของนาซา ที่ฐานทดสอบและการฝึกยูทาห์ (Utah Test and Training Range)

ตั้งแต่ชนะประกวดการตั้งชื่อขณะมีอายุ 9 ปี ไมเคิล พูซิโอ ก็กลายเป็น “คนสำคัญ” ของนาซา ให้เป็น “ทูตพิเศษโครงการโอไซริส-เร็กซ์” ทำกิจกรรมส่งเสริมความรู้และสร้างความตระหนักในความสำคัญของวิทยาศาสตร์อวกาศ และได้เป็นแขกพิเศษของนาซา ร่วมเป็นสักขีพยานการเดินทางของโอไซริส-เร็กซ์ สู่อวกาศ จนกระทั่งการกลับคืนสู่โลกของตัวอย่างจากเบนนู

ไมเคิล พูซิโอ (ขอบคุณภาพ : Planetary Society)
ไมเคิล พูซิโอ (ขอบคุณภาพ : Planetary Society)

สมาคมดาวเคราะห์ถามไมเคิล พูซิโอ ว่า “ความฝันของเขาคืออะไร?”

ไมเคิล พูซิโอ ตอบอย่างชัดเจนว่า “ผมอยากเป็นมนุษย์อวกาศ!”

ผู้เขียนเชื่อว่า ไมเคิล พูซิโอ ซึ่งขณะนี้ (เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2025) เป็นหนุ่มอายุ 21 ปี มีโอกาสอย่างมากที่จะได้เป็นมนุษย์อวกาศดังที่เขาฝัน เพราะส่วนหนึ่งเขาก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากนาซา แต่ที่สำคัญก็คือตัวเขาเองก็มีความมุ่งมั่นอย่างสูง

ผู้เขียนเองหวังและเชื่อว่า ไมเคิล พูซิโอ จะได้เป็นมนุษย์อวกาศ หรือนักวิทยาศาสตร์อวกาศ ที่ช่วย “เอาชนะ” โจทย์ยาก ดังเช่น การค้นหาคำตอบกำเนิดที่มาของชีวิตบนโลก หรือการปกป้องโลกจากการถูกคุกคามโดยดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกได้...

เหมือนกับที่เขาเอาชนะคนตั้งชื่อกว่าแปดพันชื่อมาได้!

แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดอย่างไร?