“ดีเอสไอ” ตรวจสอบ 8 จุดต้องสงสัย หาหลักฐานใหม่คดี "แตงโม นิดา" ใช้เลเซอร์จำลอง 3 มิติ เทียบหลักฐานเก่า พร้อมตามสัญญาณ GPS คนบนเรือวันเกิดเหตุ ประมวลผลปรึกษาผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ

ใกล้ครบ 3 ปี หลังจากนางเอกสาว แตงโม นิดา ตกเรือสูญหายในแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อ 24 ก.พ. 65 บริเวณใกล้เคียงท่าเรือพิบูลสงคราม

วันนี้ (17 ก.พ. 68) กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ลงพื้นที่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้เลเซอร์จำลอง 3 มิติ หาข้อมูลเพิ่มเติม กรณีการเสียชีวิตของนางเอกสาว แตงโม นิดา โดยมีการล่องเรือสำรวจทั้งหมด 8 จุด โดยใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจสอบ และได้ประสานไปยังภาคเอกชนที่มีเครื่องมือที่จะมาร่วมตรวจสอบความถูกต้อง การเก็บหลักฐานรอบนี้ ใช้เวลาเกือบทั้งวัน คาดรู้ผลใน 1 อาทิตย์ หากมีข้อพิรุธ จะทำการประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องสอบสวนต่อไปภายใน 3 เดือน

หลังตลอดทั้งวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีแตงโม กล่าวว่า จาก 8 จุด ที่ได้ทำการสำรวจ แม้ผ่านมาแล้ว 3 ปี มีการขยายเพิ่มไปอีกหลายส่วน โดยมีการภาพถ่ายทางอากาศ ใช้โดรนสแกนบริเวณริมตลิ่งทั้งหมด และสแกนจุดน่าสงสัย ทั้งหมดเป็นกระบวนการวิทยาศาสตร์ ที่จะมีความคาดเคลื่อนน้อยที่สุด

...

โดยนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ประกอบกับข้อมูลพยานบุคคล คลิปวิดีโอที่ได้มา โดยเฉพาะที่มีการเอาไปเปิดเผยในโลกโซเชียลที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง อยู่ในขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์อีกครั้ง เพื่อความแน่นอนแม่นยำของข้อมูลที่จะนำมาใช้ในคดี

จากนั้นให้ทางนิติวิทยาศาสตร์มาช่วยเก็บข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของน้ำ ว่ามีชนิดของน้ำที่น่าสงสัยหรือไม่ แต่ต้องขอรอผลการวิเคราะห์ก่อน วันนี้ยังไม่ได้มีการเก็บน้ำ ส่วนโคลนกับทรายในอดีตมีการเก็บไว้แล้วอยู่ในสำนวนของดีเอสไอ ที่จะไปดูอีกทีว่าจะต้องเก็บเพิ่มเติมไหม ซึ่งต้องเก็บทุกอย่างมาตรวจสอบให้สิ้นข้อสงสัย

พรุ่งนี้ (18 ก.พ. 68) จะมีพยานมาให้ข้อมูลอีก 2 คน ตอนนี้ทางดีเอสไอเองยังไม่สามารถบอกข้อมูลได้ เนื่องจากพึ่งได้รับการประสานมา และยังไม่รู้ว่าพยานทั้ง 2 คนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร

สะกดรอยตามสัญญาณ GPS

การลงสำรวจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตลอดทั้งวันนี้ นอกจากจะใช้เทคโนโลยีในการสแกนใต้น้ำและบินโดรนแล้ว ยังได้ล่องเรือไปแต่ละจุดที่คนบนเรือล่องเรือ หลังแตงโม นิดา ตกน้ำไปแล้ว

นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ข้อมูลว่า นอกจากจุดร้านอาหารจะเป็นจุดที่กลุ่มคนบนเรือแวะรับประทานอาหารกันแล้ว การใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่งสแกนพื้นที่โดยรอบเพื่อตรวจหารายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องของสัญญาณโทรศัพท์ นำไปประกอบกับข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ก่อนหน้านี้ทั้งข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์และข้อมูลจากพยาน

จากนั้นเรือได้ไปลอยลำอยู่บริเวณ “ท่าเรือริเวอร์เดล” ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เป็นจุดถัดมา ซึ่งการมาสแกนพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณจุดนี้มีความสำคัญอีกจุด เพราะปกติเรือลำเกิดเหตุจะมีเครื่องสัญญาณโซนาร์สแกนใต้น้ำ แต่จากข้อมูล GPS ที่เก็บรวบรวมไว้ก่อนหน้านี้พบว่า บริเวณจุดนี้สัญญาณโซนาร์สแกนบริเวณจุดนี้หายไป จึงต้องนำอุปกรณ์ไปสแกนพื้นที่ เพื่อตรวจสอบไปประกอบกับข้อมูลเพิ่มเติม และพบว่าเรือจอดบริเวณนี้ลักษณะหันหัวเข้ากับท่าน้ำประมาณ 90 องศา

...

ต่อมาขบวนเรือของดีเอสไอ ได้แล่นมุ่งหน้าลงทางทิศใต้ เข้าสู่ จ.นนทบุรี เพื่อไปตรวจสอบจุดอื่นเพิ่มเติม โดยมีจุดสำคัญ “บริเวณท่าเรือร้านอาหารไวน์พอร์ท” ที่อาจารย์ปานเทพมีข้อสงสัย ว่าจุดนี้มีการจอดเรือ และเหมือนมีการเคลื่อนย้ายสิ่งของหรือวัตถุบางอย่างลงบริเวณนี้ เนื่องจากตามสัญญาณ GPS พบว่าเรือวันเกิดเหตุมาจอดจุดบริเวณท่าเรือนี้ด้วย ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ลอยเรือ และสแกนเก็บข้อมูลบริเวณนี้

จุดต่อมา บริเวณ “บ้านร้าง จ.ปทุมธานี” ซึ่งเป็นจุดที่พบข้อมูล GPS เรือ พบว่าเรือมาชะลอความเร็วบริเวณจุดนี้อีกหนึ่งจุด โดยมีความเร็วอยู่ที่ประมาณ 0.8 นอต และไปต่อยังจุดอู่เรืออีกแห่ง ซึ่งเป็นจุดที่มีข้อสงสัยว่ามีการจอดเรือเป็นระยะเวลา 10 วินาที

และอีกจุด คือ “คอนโดริมน้ำ บริเวณใกล้กับสะพานพระนั่งเกล้า” จุดนี้ว่าพบ GPS เรือมีการจอด มีข้อสงสัยอาจมีการจอดรับคน โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง และโซนาร์สแกนนิ่งสแกนพื้นที่โดยรอบ เพื่อตรวจสอบหาสัญญาณ และสัญญาณ GPS เพื่อนำไปเทียบเคียงกับเรือลำเกิดเหตุในวันเกิดเหตุ

...

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องสแกนขึ้นฝั่งบริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 เพื่อเก็บรายละเอียดข้อมูลอีกครั้ง และล่องไปยังบริเวณท่าทรายเพื่อเก็บรายละเอียด ก่อนไปยังสแกนบริเวณอู่ต่อเรือ NBC ทั้งนี้ หลังจากเก็บข้อมูลทั้งหมด ทางดีเอสไอ จะมีการรวบรวมข้อมูล และเชิญผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขา มาตรวจสอบข้อมูลที่ได้ และเตรียมที่จะปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศอีกด้วย.