จับตาโค้งสุดท้ายศึก "นายก อบจ." วัดพลังผู้ช่วยหาเสียงมีส้มหล่น "นักวิเคราะห์การเมือง" มองกลุ่มสีแดง-น้ำเงินยังแข็งฝ่าด่านยาก แต่ต้องจับตาผู้สมัครอิสระ ถ้าชนะจะเจอพลังดูดเข้าพรรค สร้างเกมต่อรองการเมืองระดับชาติ

ศึก "นายก อบจ." 47 จังหวัด วัดขุมกำลังการเมือง เพื่อไทย – ประชาชน – บ้านใหญ่ สะท้อนภาพความคึกคักที่เป็นหน้าประวัติศาสตร์การเลือกตั้งท้องถิ่นของไทย ที่จะส่งผลต่อพละกำลังทางการเมืองในการเลือกตั้งระดับประเทศครั้งหน้า

"ผศ.ว่าที่ ร.ต.จตุพล ดวงจิตร" อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ว่า โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง อบจ. ประชาชนค่อนข้างตื่นตัว ขณะผู้สมัครก็ใช้กลยุทธ์ทุกทางเพื่อเรียกคะแนนเสียง โดยเฉพาะการนำอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง อย่างคุณทักษิณ ชินวัตร ฝั่งของพรรคเพื่อไทย และคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตแกนนำพรรคประชาชน มาช่วยหาเสียง ถือเป็นการวัดพลังของการเมืองระดับชาติ

น่าสนใจว่าเนื้อหาของการหาเสียงส่วนใหญ่ เป็นเหมือนการจำลองการเลือกตั้งระดับชาติได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากมีตัวแสดงทางการเมืองในการเป็นผู้ช่วยหาเสียงมีความโดดเด่นกว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งมา โดยสีสันตรงนี้เป็นการวัดพลังถึงความเชื่อมั่นของคนในพื้นที่มีต่อพรรคการเมือง ถือเป็นมุมมองการหาเสียงแตกต่างจากการเลือกตั้ง อบจ.หลายครั้งที่ผ่านมา

...

การเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ บรรดาผู้ช่วยหาเสียงมีบทบาทชัดมากขึ้น เช่น อดีตนายกฯ ทักษิณ หลังจากกลับมาไทยก็มีพื้นที่ทางการเมืองรองรับด้วยระเบียบกฎหมายว่าด้วยเรื่องผู้ช่วยการหาเสียง ทำให้เห็นว่าการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ เมื่อมีพรรคการเมืองระดับประเทศเข้ามาเป็นผู้เล่นอย่างชัดเจนมากขึ้น ย่อมทำให้ภาพของนักการเมืองระดับประเทศลงไปถึงคนท้องถิ่น ที่แสดงถึงความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น

"ความได้เปรียบของพรรคการเมืองใหญ่ที่สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ.รอบนี้ มีความได้เปรียบในส่วนของพรรคที่เป็นรัฐบาลในช่วงเวลานี้ สามารถเชื่อมโยงนโยบายของภาพใหญ่ไปถึงในระดับท้องถิ่นได้ มุมกลับกันประชาชนที่เลือกผู้สนับสนุนที่เป็นฝั่งรัฐบาลมีความคาดหวังว่านโยบายที่ประกาศในเวทีระดับจังหวัดสามารถขับเคลื่อนไปภายใต้นโยบายเดียวกัน แต่ในมุมกลับกัน พรรคการเมืองที่สนับสนุนผู้สมัครที่เป็นฝ่ายค้านก็พยายามหาข้อเสียในการโจมตีและเรียกคะแนนเสียง เพื่อให้ประชาชนหันมาเลือกผู้แทนหน้าใหม่"

ผู้สมัครที่ลงอิสระ จริงแล้วหลายคนมีสีพรรคการเมืองแฝงอยู่ หรือบางคนก็รอให้ได้รับเลือกตั้งแล้วค่อยเลือกว่าจะให้พรรคไหนเป็นผู้สนับสนุน น่าสนใจว่า นักการเมืองท้องถิ่นที่ลงสมัครนายกฯ อบจ.ยังไม่กล้าเปิดตัวว่ามีผู้สมัครพรรคใหญ่เป็นใคร ขณะนี้ทำตัวเป็นอิสระก่อน แต่ถ้าเกิดชนะจะเริ่มมีอำนาจต่อรองกับกลุ่มการเมืองในการเข้าสังกัด นี่ถือเป็นโมเดลที่น่าสนใจ

ส่องคะแนนนิยมพรรคส้ม ยังต้องลุ้นหนัก

“ผศ.ว่าที่ ร.ต.จตุพล" มองว่า ถ้าประเมินความได้เปรียบ ความที่ตอนนี้พรรคประชาชนค่อนข้างจะแผ่วลง เนื่องจากแกนนำของพรรคเปลี่ยนไปจากเดิม ประกอบกับการเป็นฝ่ายค้าน และยังไม่เกิดกระบวนการซักฟอกในสภาฯ เลยยังทำให้กระแสความนิยมในการเลือกตั้ง อบจ. ยังไม่ได้เป็นที่จับตามากนัก

“ในมุมการเมืองพรรคส้ม ต้องพยายามเล่นเกมแบบเซฟตัวเอง การจะรุกแบบแข็งกร้าวเหมือนเดิมอาจส่งผลเสียต่อพรรค ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้ความนิยมแผ่วลง เห็นได้จากการเลือกตั้งนายกฯ อบจ. ก่อนหน้านี้ พ่ายแพ้ในทุกสนาม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่ายแพ้ต่อความเก๋าเกมของพรรคการเมืองขนาดใหญ่”

...

ถ้าประเมินการเลือกตั้ง อบจ. วันที่ 1 ก.พ. 68 ผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคก้าวไกล จะได้ที่นั่งน้อยกว่าผู้สมัครที่มาจากพรรคเพื่อไทย กลุ่มสีน้ำเงิน ส่วนกลุ่มแฝงที่รอวันประกาศตัวน่าจะได้รับเลือกมากกว่าฝั่งส้ม

หลายครั้งมีประเด็นเรื่องการคอร์รัปชันในระดับท้องถิ่น การที่แกนนำพรรคการเมืองระดับชาติลงมาเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการคอร์รัปชันในระดับชาติและท้องถิ่น สร้างความเสียหายหนักขึ้นกว่าเดิม หากกลุ่มการเมืองที่ครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จ

“การคอร์รัปชันในเชิงนโยบาย ถูกเชื่อมโยงตั้งแต่การเมืองระดับชาติไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะคนถูกวางไว้ในกรอบเดียวกัน เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง หรือการจัดการด้านการเงินเกี่ยวกับสาธารณูปโภค เพียงว่าหน่วยงานที่มีการคอร์รัปชันทำได้อย่างละเมียดละไมแค่ไหน แต่มีแนวโน้มการคอร์รัปชันที่ลึกและกว้างมากขึ้น”