พรรคก้าวไกล แม้กลายเป็นเป็นอดีตพรรคก้าวไกลไปแล้ว หลังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้ง 11 คน เป็นเวลา 10 ปี จากปมนโยบายหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ แต่ยังไม่พ้นวิบากกรรมจะต้องจับตาชะตา 44 สส.ของพรรค เคยร่วมเสนอชื่อแก้ไขมาตรา 112 และในจำนวนนั้นเป็นกรรมการบริหารพรรคที่ล่าสุดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปแล้ว อาจจะต้องเจอโทษหนักกว่าถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เพราะมีพฤติการณ์ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่?
ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล ทำให้ล่าสุด ป.ป.ช. มีมติว่าคดีนี้มีมูล มีพยานหลักฐานเบื้องต้นตามแนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงสั่งไต่สวน 44 สส.พรรคก้าวไกล ร่วมลงชื่อเสนอแก้ มาตรา 112 คาดใช้เวลาไม่นาน หาก ป.ป.ช.สรุปสำนวนคดีเสร็จสิ้น แล้วมีมติให้ส่งฟ้องเอาผิด จะต้องส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และโทษความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ เหมือนกับ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช
...
44 สส.ร่วมลงชื่อแก้มาตรา 112 กำลังจะโดนเชือด
รายชื่อ สส. 44 คน เคยร่วมลงชื่อเสนอแก้มาตรา 112 ประกอบด้วย 1.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 2.พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ 3.ธีรัจชัย พันธุมาศ 4.ญาณธิชา บัวเผื่อน 5.ศิริกัญญา ตันสกุล 6.กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี 7.เบญจา แสงจันทร์ 8. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ 9.นิติพล ผิวเหมาะ 10.เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร 11.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ 12. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล 13.ปดิพัทธ์ สันติภาดา 14.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 15.ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ 16.ปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ 17.ณัฐวุฒิ บัวประทุม 18. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 19. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ 20.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา
21.วรภพ วิริยะโรจน์ 22.คำพอง เทพาคำ 23. สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ 24.ทองแดง เบ็ญจะปัก 25. จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ 26. จรัส คุ้มไข่น้ำ 27.สุเทพ อู่อ้น 28.ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ 29. อภิชาติ ศิริสุนทร 30. องค์การ ชัยบุตร 31.พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ 32. ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ 33.ศักดินัย นุ่มหนู 34. มานพ คีรีภูวดล 35.วาโย อัศวรุ่งเรือง 36.วรรณวิภา ไม้สน 37.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร 38.สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ 39. ทวีศักดิ์ ทักษิณ 40. สมชาย ฝั่งชลจิตร 41. สมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล 42. วุฒินันท์ บุญชู 43. รังสิมันต์ โรม และ 44.สุรวาท ทองบุ
ผลทางกฎหมายที่เชื่อมโยงกัน 44 สส.ไม่มีเหตุหลุดพ้นได้
แล้วชะตาของ 44 สส.ร่วมลงชื่อเสนอแก้มาตรา 112 จะซ้ำรอยกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลหรือไม่ “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์ คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสอดคล้องตามข้อกฎหมาย ก็จะนำไปสู่การพิจารณามีผลทำให้ 44 สส.ขาดสถานภาพต่อไป และถามว่ามีโอกาสหรือไม่ ก็เกิดขึ้นได้ เพราะการยุบพรรคมีผลมาจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยมาแล้ว ตั้งแต่กรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยออกมาเคลื่อนไหวเรื่องมาตรา 112 เป็นผลทางกฎหมายที่เชื่อมโยงกัน เช่นเดียวกับ 44 สส.ร่วมลงชื่อเสนอแก้มาตรา 112 หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. และหากอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีผลทางกฎหมายจากข้อเท็จจริงที่กระทำ ก็ต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
“การต่อสู้ทางการเมืองของก้าวไกล ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ควรเอามาเป็นบทเรียน จะหักด้ามพร้าด้วยเข่าไม่ได้แล้ว เหมือนที่เคยทำเรื่อยๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นยอมรับมี 2 ฝ่าย คือผู้ใหญ่รังแกเด็ก กับผู้ใหญ่มองว่าเป็นเด็กดื้อ แล้วแต่ใครจะอยู่ฝ่ายไหน และกรณีลงชื่อเสนอแก้มาตรา 112 อยู่ที่ตัวข้อเท็จจริงของแต่ละคน เพียงแค่ลงชื่อ ก็ถือเป็นผู้กระทำแล้ว ก็น่าจะจบหมดทั้ง 44 คน เพราะรับรู้ไปแล้ว ไม่ใช่ใครแอบไปลงชื่อให้ ซึ่ง ป.ป.ช. พิจารณาตามแนวข้อกฎหมาย และตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีเหตุจะหลุดพ้นได้ เว้นแต่มีคนไปลงชื่อให้ ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ แต่ระบบไต่สวนสามารถสืบค้นเอกสารได้ มีโอกาสที่ 44 สส.จะเพลี่ยงพล้ำไปอีกสเตปหนึ่ง”
...
หากทั้ง 44 คนถูกลงโทษจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องบอกว่าด้วยกระแสสังคมปัจจุบันมีสัดส่วนผู้สูงอายุ มากกว่าคนรุ่นหนุ่มสาวที่ยิ่งตียิ่งโต ถามว่าการจะประคับประคองจากข้อเรียกร้องให้กลุ่มสังคมมามีส่วนร่วมมากน้อยเพียงใด ก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มคนในสังคมไม่ค่อยสนใจกฎหมาย แต่สนใจเรื่องการอยู่ร่วมกันมากกว่า ไม่สนกติกาใดๆ และกลุ่มเหล่านี้หัวก้าวหน้า จะได้คะแนนนิยมสูงขึ้นระยะหนึ่ง ขณะที่ชนชั้นนำเก่าและนักการเมืองเก่าๆ ต้องทำอะไรให้มากลบกระแสที่เกิดขึ้นให้ได้ และสิ่งสำคัญคือ สถานะทางเศรษฐกิจให้กับคนในสังคม ต้องไม่คอร์รัปชัน ซึ่งระบบการเมืองเก่าต้องเร่งทำ เพื่อกลบกระแสคนรุ่นใหม่ที่ไม่สนใจกฎหมายมากนัก
“ผลพิจารณาต่างๆ มาจากกฎหมาย คิดว่าในความเป็นจริงแล้วศาลรัฐธรรมนูญคงไม่อยากยุบพรรคก้าวไกลหรอก แต่กฎหมายเขียนไว้ และจะนำไปสู่การชิงไหวชิงพริบ ชิงพื้นที่การเมืองของคน 2 กลุ่ม ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ อย่างการเลือกตั้งล่าสุด ก้าวไกลก็เข้ามาได้ ก็ต้องยอมรับว่าคนไม่เอาการเมืองแบบเก่า ได้เวลาแล้วที่นักการเมืองเก่าๆ ต้องชำระสะสางเรื่องเดิมๆ ไม่คอร์รัปชัน การแต่งตั้งข้าราชการต้องเป็นธรรม ไม่มีความเหลื่อมล้ำในสังคม เชื่อว่ากลุ่มที่เคยเอาก้าวไกลก็จะเบาบางลง”
...
จับตาปรากฏการณ์งูเห่าส้ม หลังลงดาบเชือด 44 สส.
แม้การเลือกตั้งครั้งใหม่จะได้รับการสนับสนุนอีก ก็ต้องยอมรับว่าพรรคก้าวไกล มีอุดมการณ์ที่มั่นคงในการเปลี่ยนประเทศ โดยเฉพาะแก้มาตรา 112 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็บอกว่าหากจะแก้ต้องแก้ให้ถูกต้อง ต้องพิจารณาพูดคุยในสภา ไม่ใช่ไปตีกินฉวยโอกาสลดทอนคุณค่าสถาบัน ก็จะเจอแบบนี้ เพราะการล้มล้างการปกครองไม่ได้หมายความว่าต้องหยิบอาวุธ นำรถถังออกมา
แต่ล้มล้างด้วยกระแสและสื่อ จนทำให้เกิดการเกลียดชัง อาฆาตมาดร้าย ก็ควรแก้ด้วยระบบ ไม่ใช่แก้ด้วยอารมณ์ในการด่าทอศาล หากจะเติบใหญ่ต้องรู้จักถอยและปรับการเรียนรู้ ทำอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ใช้วาทกรรมดึงเขามาเป็นพวกเรา ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาถึงก้าวไกล ไปแตะมาตรา 112 โดยไม่ใช้อำนาจในสภา จนเหตุผลเริ่มน้อยลงและโหมกันไป ซึ่งอันตราย
ประเมินว่าหาก 44 สส.ไม่รอด เชื่อว่าจะมีสมาชิกพรรคบางส่วนคิดว่าไม่มีความมั่นคง ก็จะต้องถอยออกไป จนมีโอกาสเกิดงูเห่าในพรรคอย่างแน่นอน แต่การจะย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ก็อยากให้นักการเมืองรุ่นเก่า ทำสิ่งใหม่เพื่อดึงคนเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค และเชื่อว่าถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีระบบเลือกตั้ง สส.เหลือเพียงระบบเขต ก็น่าจะทำให้พรรคก้าวไกลในนามพรรคใหม่แตกอย่างแน่นอน เพราะไม่สามารถทำลายอิทธิพลการเมืองท้องถิ่นได้ ยกเว้นต้องเปลี่ยนแปลงเดินเกมการเมืองแบบใหม่ เพื่อเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่เดินเกมการเมืองขัดข้อกฎหมาย จนสะดุดล้มไปทั้งกระดาน.