เป็นไปตามคาด "มงคล สุระสัจจะ" คว้าเก้าอี้ประธานวุฒิสภา ด้วยคะแนน 159 เสียง ทิ้งห่างอันดับสองถึง 140 เสียง ถือเป็นสัญญาณชัดเจนของ "สว.สายสีน้ำเงิน" ที่เดินเกมรุก และมีแนวโน้มจะดูดฐานเสียงของ สว.กลุ่มอื่นได้มากขึ้น นักวิเคราะห์มองว่า การเดินเกมทั้ง "สภาสูง" และ "สภาล่าง" ยิ่งทำให้ "ภูมิใจไทย" แข็งแกร่งขึ้น เดินเกมต่อรองทางการเมืองตามสไตล์ "ขงเบ้ง" ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคสีน้ำเงิน
"นายมงคล สุระสัจจะ" คว้าเก้าอี้ประธานวุฒิสภา ด้วยคะแนน 159 เสียง ชนะ "น.ส.นันทนา นันทวโรภาส" ที่ได้ 19 คะแนน ส่วน "นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ" ได้ 13 คะแนน โดยงดออกเสียง 4 เสียง และบัตรเสีย 5 เสียง ด้าน พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีต ผช.ผบ.ทบ. เป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 นักวิเคราะห์การเมืองหลายท่านได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ากลุ่ม "สว.สีน้ำเงิน" จะมีบทบาทในสภาสูง ซึ่งผลที่ออกมาไม่ได้พลิกโผ แต่ต้องจับตาการทำงาน ที่จะมีการเลือกตัวแทนองค์กรอิสระ รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจเดิมพันถึงตำแหน่งนายกฯ คนต่อไป
...
หากวิเคราะห์ถึงคะแนนเสียง ในการเลือกประธานวุฒิสภา ที่ได้ทั้งหมด 159 เสียง "ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ว่า เห็นได้ชัดว่ากลุ่ม สว.สีน้ำเงิน มีการเกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น และมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นในกลุ่ม สว.ที่จะมาเข้าร่วมกลุ่มในการสนับสนุน โดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษนิยม
การยึดสภาสูงของเครือข่าย สว.สีน้ำเงิน ที่มีความสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจไทย มีความชัดเจนว่าคุณมงคล สุระสัจจะ ที่ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา มีความใกล้ชิดกับคุณเนวิน ชิดชอบ จึงเป็นการเข้ามาคุมเกมในสภาสูงอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังนั้นการพิจารณาหรือทบทวนกฎหมายสำคัญ หากไม่ได้รับสัญญาณจากสภาล่าง (สส.) โดยพรรคภูมิใจไทย ก็อาจจะติดขัดในการพิจารณา
ด้านการคัดเลือกหรือสรรหาคณะกรรมการในองค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช., ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, กกต. ซึ่งวุฒิสภาสายสีน้ำเงินจะมีบทบาทอย่างมาก และกลายเป็นตัวแปรสำคัญ ในยุทธวิธีการกวาดต้อนบ้านใหญ่ และตระกูลการเมืองในพรรคร่วมหรือพรรคอื่นๆ จะไหลเข้ามาสนับสนุนภูมิใจไทยมากขึ้น
หากวิเคราะห์ถึงคะแนนเสียง สว.ฝั่งสีน้ำเงิน ที่วันนี้มีการเลือกประธานวุฒิสภาที่มี 159 เสียง มีแต่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องจับตาว่า สว.ที่อยู่คนละฝั่งจะสามารถยืนระยะได้ยาวนานแค่ไหน เพราะการเมืองไทย เป็นแนวทางของเครือข่าย ต้องอาศัยเสาหลักในการพึ่งพิงสูง แม้ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ดำรงตำแหน่งจะมีการผันแปรทางการเมือง แต่เชื่อว่ากลุ่ม สว.สีน้ำเงิน จะมีเสียงสนับสนุนไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งหรือประมาณ 100 คน
การเดินเกมในสภาสูงรอบนี้ จะทำให้การแต่งตัวของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมและรอบด้านมากขึ้น ขณะที่ตัวเลือกฝั่งอนุรักษนิยมก็โรยราลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ต้องเดินเกมการเมืองที่ประนีประนอมมากขึ้น เห็นได้ชัดจากท่าทีของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางไปเยี่ยมถึงถิ่นคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ที่สนามกอล์ฟ ซึ่งที่ผ่านมาภาพความขัดแย้งครั้งอดีตระหว่างคุณทักษิณ กับผู้อยู่เบื้องหลังของภูมิใจไทย อาจคลี่คลายมากขึ้น หลังจากนี้
งานแรก สว.ต้องชัดเจนในการได้มาในครั้งถัดไป
"รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช มองว่า ตอนนี้เราให้ได้ชัดถึงฐานเสียงของ สว.กลุ่มสีน้ำเงิน ที่มีแต่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นสิ่งที่อยากเห็นต่อจากนี้คือ จุดยืนของ สว.ทั้งหมด โดยเฉพาะ สว.พันธุ์ใหม่ สิ่งแรกที่ควรทำในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องของการได้มาของ สว.จะมาอย่างไร เช่น ทางเลือกแรกปิด "สวิตซ์ สว." เดินหน้าสภาเดียว หรือจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขการได้มาของ สว. อย่างไร เพราะในการเลือก สว.รอบนี้ สังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์การได้มามาก
...
"ภารกิจแรกของ สว.ชุดใหม่ ต้องแสดงจุดยืนของตัวเอง ในการชำระการได้มาของ สว.ให้ชัดเจนก่อน เพราะอย่างน้อยจะเป็นการประกาศให้สังคมในภาพรวมได้รับทราบ ถึงการได้มาของ สว.ในชุดถัดไปให้มีความโปร่งใส และไม่พิสดาร เหมือนครั้งที่ผ่านมา".