เบื้องหลัง ความอีนุงตุงนัง ใน สตช.  ดีลลับ การหักหลัง การฝ่าฟันดงหนาม และตัวเลือกที่เหลือในกระดาน ...

เรียกว่าเป็นมหากาพย์ความขัดแย้ง ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง สำหรับปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ของ “บิ๊กตำรวจ” ไล่ไปตั้งแต่ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล, บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ที่เคย รักษาราชการแทน ผบ.ตร.อยู่พักหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ลงนามให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นผลพัวพันมาถึงตอนนี้ 

นอกจากนี้ ยังมีตัวละครนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกหลายคนออกมาให้ความเห็น เป็นกำลังใจ ปูดข่าวต่างๆ ทำให้ “อีนุงตุงนัง” 

เวลานี้สิ่งที่รอเพียงอย่างเดียว คือ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ (ก.พ.ค.ตร.) ว่าผลที่ตัดสินออกมาจะ “เป็นคุณ” หรือ “เป็นโทษ” กับ “บิ๊กโจ๊ก” ในประเด็นออกจากราชการไว้ก่อน หรือไม่... 

“เรา” มีโอกาสได้คุยกับ “แหล่งข่าว” อดีตตำรวจที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ย้ำว่า เวลานี้สิ่งที่ต้องรอเพียงอย่างเดียว คือ คำตัดสินของ ก.พ.ค.ตร. โดย “บิ๊กโจ๊ก” ก็ยังพอมีโอกาส...

หากคำสั่งดังกล่าวเป็นคุณกับทางบิ๊กโจ๊ก เขาจะกลับเข้ามาในฐานะ รอง ผบ.ตร. ที่อาวุโสสูงสุด หากบิ๊กต่อ เกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน คนที่จะ “รักษาราชการแทน ผบ.ตร.” ก็จะเป็น “บิ๊กโจ๊ก” เพราะอาวุโส สูงสุด 

...

ตอนนี้อำนาจการเสนอบัญชี “นายพล” จะเป็นของ “บิ๊กโจ๊ก” และหาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เป็น ผบ.ตร. อายุราชการอีก 7 ปีที่เหลือ จะปิดกั้นคนอื่นจนหมด เหลือแค่ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา คนเดียว ที่อายุราชการจะหมด 2576 ก็เพราะแบบนี้แหละ ทำให้จะเกิดปัญหา หาก “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นเป็น ผบ.ตร.

อีกด้านหนึ่ง หากคำสั่ง ก.พ.ค.ตร. ตัดสิน การให้ออกจากราชการ “ชอบแล้ว” ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คงจะเดินหน้าฟ้องศาลปกครองสูงสุด ซึ่งยังมีโอกาส ที่จะชนะ...โดยอ้างอิงจาก กฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย 

ข่าวลือ เรื่องดีล.... เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่พูดคุยกันเมื่อปีก่อน เป็นที่มาของการขึ้นสู่อำนาจ มันเป็นเรื่องของการดีลของฝ่ายการเมือง โดยมีการรับปากว่าจะให้ “ผู้อาวุโส” ได้มีโอกาสในเวลาต่อมา 

แต่ประเด็นของเรื่องนี้ ผู้ที่อยู่ฉากหน้าบางคนกลับไม่ทันเกม เขาอยากจะมีตัวตนขึ้นมา กลายเป็นว่า มีการลงนามคำสั่ง “ช็อกวงการ” จำเป็นต้องมีตัวแทนเพื่อทำงานในตำแหน่งรักษาการ 

จากผู้ที่ไม่มีสิทธิ... และรู้ว่าตัวเอง “ไม่ใช่ตัวเลือก” จึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป 

ตามหลักแล้ว สามารถเลือก แก้ปัญหาด้วยโทษที่เบากว่าได้ แต่ก็ไม่เลือกวิธีนั้น กลายเป็นว่า เมื่อทำไปแล้ว จึงเกิดการเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ที่บางคน มีปัญหาหนักหน่วงกว่า แต่กลับไม่โดนอะไร...

เบื้องหลังของเรื่องนี้ กลายเป็นว่า “มีคน” โดนหักหลังแบบซ้ำซ้อน มีการเจรจาให้จบสวยๆ ดีๆ กัน จะให้ท่านต่อ ท่านรอง กลับมาแล้ว “แฮปปี้” แต่กลายเป็นว่า “ผลลัพธ์” กลับแตกต่างกัน 

ในขณะเดียวกัน “ผู้ที่ไม่ถูกเลือก” แต่เผอิญได้อำนาจ กลับใช้อำนาจ “ไม่เหมือนที่คุยกันไว้” แบบนี้ผู้ใหญ่ฝ่ายการเมืองที่คุยกันไว้ก็ถึงขั้นควันออกหู กลายเป็นว่าในอนาคตข้างหน้า หากมีการเลือกผู้นำใหม่ คนที่เคยได้โอกาส อาจไม่ใช่ตัวเลือก เพราะติดไฟแดง

แบบนี้จะเหลือใคร....? แหล่งข่าวระดับสูง มองว่า การตั้งคนใหม่เวลานี้ค่อนข้างลำบาก เพราะแต่ละคนนั้น ก็ล้วน มีสายของตนเอง 

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องรอดูกันต่อไป เชื่อว่า ประมาณปลายเดือนนี้น่าจะมีความชัดเจนขึ้น.

อ่านบทความ 

...