ธุรกิจรับจ้างทำการบ้านบนโลกออนไลน์ในราคากันเอง ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น และยังคงเฟื่องฟูไม่หยุด ทั้งรับทำงานวิจัย วิทยานิพนธ์ งานพิมพ์ จดงาน งานลอกลงไอแพด ทำพาวเวอร์พอยต์ โครงงาน รายงาน ตอบคำถามแก้ “0” แก้ “ร” ทำการบ้าน แก้โจทย์วิชาต่างๆ สารพัด และยังรับจ้างเรียน SET e-Learning สะสมจำนวนชั่วโมงจิตสาธารณะ ให้ครบตามหลักเกณฑ์กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อให้ได้วุฒิบัตร แต่ก็มีหลายรายถูกหลอกให้โอนเงินแล้วหายเงียบไป เพราะถูกจี้ให้แก้งาน ยิ่งทำให้ทุกข์หนักอาจส่งงานไม่ทันเวลา

ธุรกิจรับจ้างทำการบ้าน ไม่ผิดกฎหมาย เพราะยินยอมพร้อมใจให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ยกเว้นถูกหลอกให้โอนเงินตกเป็นผู้เสียหาย แต่ความลับเบื้องหลังความสำเร็จของเด็กไทย ด้วยการใช้เงินซื้อให้ตัวเองสอบผ่าน จบหลักสูตร ได้เรียนต่อ หากถูกจับได้คือโกง ทุจริตไปเต็มๆ และยังสะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย หรือบางมุมมองเห็นว่าการศึกษาไทยในภาพรวม นั่นแหละตัวปัญหา ทำให้ทักษะในเรื่องต่างๆ ของเด็กไทยอ่อนด้อยลง จนน่าเป็นห่วงกับวิกฤติปัญหาสังคมไทยที่จะเกิดขึ้นตามมา มองเรื่องผิดเป็นถูก มองการโกงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำ

...

วงจรโกงการศึกษาไทย ไม่จบสิ้น เพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง

วงจรการโกงในวงการศึกษาไทยกลับมาอีกแล้ว ทำให้ “ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ” นักวิชาการด้านการศึกษา ต้องถอนหายใจออกมาแสดงความเป็นห่วงกับปรากฏการณ์รับจ้างทำการบ้าน หลังซาไปพักหนึ่งก็กลับมาอีก ในลักษณะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในวงจรการศึกษา มีการแก้ไขแบบวูบวาบ แก้เป็นเรื่องเป็นประเด็น ไม่ได้แก้ปัญหาอย่างแท้จริง จนทุกวันนี้ยังเห็นครูกร่อนผมนักเรียน ครูตีเด็ก และรับจ้างทำการบ้าน วงจรนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งระบบ ยังคงให้เด็กเรียนหนัก ให้การบ้านเยอะ เน้นตัวผลงานพอร์ตฟอลิโอ (Portfolio) ทำให้เด็กที่มีฐานะมีโอกาสจ้างทำพอร์ตฟอลิโอ

“ระเบียบวัดผลงานจากพอร์ตฟอลิโอ เกินกว่า 50% เป็นเรื่องน่าจะช่วยกันคิดแก้ปัญหา เพราะใกล้ตัวเด็กมากสุดในเรื่องความรับผิดชอบ ไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต ไม่ตรงไปตรงมา จนขาดจริยธรรมเบื้องต้น เห็นเป็นเรื่องปกติ มองว่าซื้อได้ และการศึกษาไทยควรจะมีหลักการอย่างไร ให้เด็กมีวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม เรื่องพวกนี้เป็นปมประเด็นที่เราพูดมานาน แทบจะเป็นแผ่นเสียงตกร่อง เด็กทำรายงานไม่ทัน ติด 0 ติด ร เป็นเปลือกการศึกษาที่นับวันเปลือกเหล่านี้จะหนาขึ้น จนแก่นหายไป บางทีครูก็ทำเป็นไม่รู้ว่าเด็กไปจ้างเขาทำ เพราะอยากได้ผลงาน และเด็กส่วนใหญ่ที่จ้างเขา ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เรียนได้คะแนนน้อย จึงหามืออาชีพมาทำให้ เป็นการทุจริตคอร์รัปชันตั้งแต่เด็ก ทำให้มีนิสัยมองผิดเป็นถูก”

อย่าให้เด็กชาชิน ใช้ทักษะการโกง เหมือนทำลายคนทางอ้อม

ปรากฏการณ์รับจ้างทำการบ้าน เป็นเรื่องที่น่าห่วงมากๆ เพราะไม่ถูกเอาใจใส่แก้ไขปัญหา จนเด็กชาชินกับการทุจริต และจะเห็นการทุจริตเต็มไปหมด อย่างเรื่องการบ้านอาจมองกันแบบขำๆ แต่เป็นเรื่องการศึกษาที่ซึมลึก กลายเป็นว่าเด็กไม่มีจิตสำนึก ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการต้องไม่อยู่เฉย แม้ว่าธุรกิจรับจ้างทำการบ้าน ไม่ผิดกฎหมาย แต่มันผิดหลักการศึกษาอย่างรุนแรง เหมือนทำลายคนทางอ้อม เพราะมองเป็นเรื่องปกติ ตัดสินการโกงเป็นบวก ทำให้สังคมไทยก้าวเลยเรื่องคุณธรรม จริยธรรมไปแล้ว ก็อยู่กับเปลือก อยู่กับสังคมที่ปล่อยกันไป อยู่กับสังคมที่ไม่เป็นสาระ ต้องหาวิธีการชนะระบบ ถือว่าอันตรายมากในเรื่องเล็กๆ ที่ยังปล่อยผ่าน เหมือนพิษร้าย

...

ผลกระทบที่ตามมาจะทำให้เด็กขาดทักษะพื้นฐานที่จำเป็น จะยิ่งอ่อนลง และมีทักษะการโกงเข้ามาแทนที่ จนเด็กสมัยใหม่มองเป็นเรื่องวิถีชีวิตของเขา มองเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่อาจไม่ผิดก็ได้ เป็นที่ยอมรับในสังคมเด็กไทย หากเกิดขึ้นยาวนานแสดงว่ายอมรับกันได้ จนเด็กไทยห่างไกลคุณธรรม จริยธรรม จะเห็นแต่เรื่องคะแนนมากกว่า และขณะนี้เด็กไทย 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาต่ำลง แสดงว่าเด็กเริ่มไม่เห็นคุณค่าไม่เห็นความสำคัญของศาสนา

ต้นตอปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะไม่ได้แก้ปัญหากันอย่างจริงจัง แต่กลับไปสร้างตัวพื้นฐานที่ติดอยู่กับวัตถุ การแข่งขันมากเกินไป เน้นเรื่องปริมาณของผลงาน และระบบการเรียนการสอนเน้นเรื่องการวัดผล เป็นเงื่อนไขในการศึกษาต่อ อีกทั้งครอบครัวและสถาบันศาสนา ก็ทำหน้าที่ได้ต่ำลง จนเด็กไม่ได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยเฉพาะครอบครัวก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย อย่าผลักดันเด็กไม่ให้รู้จักความซื่อสัตย์ กลายเป็นสังคมที่เหลือแต่เปลือก ซึ่งต้องระมัดระวัง จะกลายเป็นสังคมที่เบาหวิว ไม่เป็นสังคมที่เคยเข้าใจกันและกัน มองเรื่องผิดเป็นถูก หากครูผู้สอนเห็นการรับจ้างทำการบ้าน ควรต้องหนักแน่นไม่ยอมรับ ไม่ให้ผ่านเลยไป.

...