ตะลึง!! ไทยศูนย์กลางส่งออกยาเสพติดไปทั่วโลก ขายราคาสูงหลายเท่าตัว ฟันกำไร

จากการเปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ใช้ไทยเป็นศูนย์กลางกระจายยาเสพติดไปทั่วโลก แล้วใช้วิธีการรูปแบบใดในการซุกซ่อนยาเสพติด เพื่อส่งไปยังประเทศปลายทาง มาติดตามกันต่อกับเล่ห์กลโกงแก๊งค้ายา ในภารกิจ SEE TRUE "อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้" พร้อมเปิดรายชื่อประเทศเป้าหมาย ลักลอบนำยาเสพติดจากไทยเอาไปขายราคาสูงหลายเท่าตัวฟันกำไร จนพบว่ายาบ้าถูกส่งไปมากที่สุดยังประเทศเกาหลีใต้ ส่วนไอซ์ เฮโรอีน ส่งไปมากที่สุดในประเทศออสเตรเลีย และก็ต้องตกตะลึงนักค้ายาเสพติด ชาวไต้หวัน ใช้ไทยตั้งเป็นฐานทัพ ส่งขายยาเสพติดข้ามชาติ กลายเป็นว่าบ้านเรากำลังถูกขบวนการค้ายาข้ามชาติ ใช้เป็นศูนย์กลางกระจายยาเสพติด 

แนวทางการตัดวงจรจะทำอย่างไร? ไม่ให้ไทย กลายเป็นศูนย์กลางกระจายยาเสพติด จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ทางเจ้าหน้าที่ของไทยต้องทำงานกันอย่างหนักในการสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดส่งออกไปต่างประเทศทั้งทางท่าอากาศยาน ทางวัสดุภัณฑ์ หรือทางเรือ และสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นหนึ่งในช่องทางออกของยาเสพติด ทำให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และชุดปฏิบัติการภารกิจสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ผ่านท่าอากาศยาน (AITF) จะต้องตรวจอย่างละเอียดทั้งกล่องสินค้า พัสดุระหว่างประเทศ และกระเป๋าต้องสงสัย ผ่านเครื่องเอกซเรย์ X-Ray ซึ่งมีความพิเศษสามารถตรวจจับหายาเสพติดที่ซุกซ่อน หรืออำพรางไว้ได้

สารพัดวิธีสุดทึ่ง ลักลอบขนยาเสพติดออกนอกประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเฮโรอีน ซุกซ่อนในเครื่องทำสเลอปี้ หรือเครื่องทำเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง จากการใช้เครื่องมือตัดโลหะ นำเฮโรอีนที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในออกมา จำนวน 40 แท่ง รวมน้ำหนัก 14.8 กิโลกรัม ถูกบรรจุในเครื่องทำสเลอปี้ 2 เครื่อง เตรียมส่งไปยังไต้หวัน ตอกย้ำให้เห็นว่าขบวนการค้ายามีการพัฒนามากขึ้นในการลักลอบขนยาเสพติด

ที่ผ่านมาสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลการสืบสวนร่วมกับกระทรวงยุติธรรมของไต้หวัน เคยร่วมตรวจยึดคีตามีน น้ำหนัก 320 กิโลกรัม ซุกซ่อนในฐานรองหุ่นยนต์เตรียมส่งไปยังประเทศไต้หวัน ผ่านการขนส่งทางเรือ ซึ่งคนในขบวนเครือข่ายนี้ เคยถูกจับมาแล้ว 2 ครั้ง ภายในสนามบิน หลังซุกซ่อนเฮโรอีนในเครื่องชงกาแฟ เตรียมส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย

วิธีการซุกซ่อนยาเสพติดของเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ จากข้อมูล ป.ป.ส. พบว่ามีการทำทุกวิธีที่ทำได้ รวมไปถึงกลืนลงในท้อง หากเจ้าหน้าที่ไม่มีสายข่าวก็จะไม่รู้ หรือหากสงสัย ก็เอาเครื่องสแกนภายในลำไส้ ก็จะเห็นยาเสพติดทั้งหมดเป็นขดๆ แต่เครือข่ายค้ายาเสพติดไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาหาวิธีซุกซ่อนยาเสพติดออกนอกประเทศ ทั้งทางเรือ และเครื่องบิน 

นอกจากนี้เคยซุกซ่อนในพรม มีการดัดแปลงยาเสพติดให้มีความบาง ให้สามารถอยู่ในตะเข็บของพรม แล้วก็ม้วนทับ และอีกกรณีเปลี่ยนจากแท่งเฮโรอีนสี่เหลี่ยม ทำให้เหมือนขนม เป็นดอกสวยงาม รวมถึงซุกซ่อนเฮโรอีนใส่ในกระดุมปั๊ม และยังซุกซ่อนเฮโรอีนในด้ามแปลงขัดห้องน้ำ ดัดแปลงไอซ์ผง ให้เป็นไอซ์เหลว สำแดงสินค้าว่าเป็นน้ำหอมอโรม่า ซุกซ่อนไอซ์ในกรอบรูป และเครื่องปั่นไฟ

หากยาเสพติดเป็นสินค้า ตลาดการค้านี้มีผู้บริโภคมากถึง 284 ล้านคนทั่วโลก มากเกือบ 4 เท่าของประชากรทั้งหมดของประเทศไทย เป็นธุรกิจสร้างกำไรมหาศาล ให้กับเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ เพราะไทยอยู่ใกล้ฐานผลิตทั้งยาบ้า ไอซ์ เฮโรอีน คีตามีน แหล่งใหญ่ลำดับต้นๆ ของโลก มีจุดเด่นทางภูมิศาสตร์ และระบบโลจิสติกส์ที่ดี ในการกระจายสินค้าต่างๆ รวมถึงยาเสพติดไปทั่วโลก

ไทยไม่มีแหล่งผลิตยาเสพติด ต้นตอใหญ่จากสามเหลี่ยมทองคำ

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ยืนยันไทยไม่มีแหล่งผลิตยาเสพติด แม้แต่ประเภทเดียว แต่แหล่งผลิตยาเสพติดอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออก ทั้งไอซ์ เฮโรอีน และคีตามีน ส่งไปประเทศออสเตรเลียมากที่สุด อันดับ 1 รองลงมาไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ พร้อมกับข้อมูลที่น่าตกตะลึง พบว่ายาบ้าถูกส่งไปเกาหลีใต้มากที่สุด มีลูกค้าหลักเป็นแรงงานไทย โดยคนไทยไปทำงาน เป็นผีน้อย 200,000 คน และอีก 50,000 คน ถูกกฎหมาย ซึ่งคนไทยเหล่านี้เอายาเสพติดไป โดยเฉพาะยาบ้า

“ป.ป.ส.ของเรา มีอัยการเกาหลีใต้ มีตำรวจเกาหลีใต้อยู่ที่นี่ และหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ อยู่ที่นี่ เพราะยาบ้าส่งไปที่บ้านเขา ไปทำร้ายประเทศเขาด้วย เขาก็ส่งคนของเขามา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน” เลขาธิการ ป.ป.ส. ออกมาระบุ

เปิดราคายาเสพติด ลักลอบขายในต่างประเทศ ฟันกำไรงาม

ยาเสพติดเป็นสินค้าผลิตง่าย ต้นทุนถูก จากชายแดนไทย-เมียนมา ถูกลักลอบลำเลียงสู่พื้นที่ภาคกลางของไทย และส่วนหนึ่งกระจายไปต่างประเทศ ขายในราคาแพงกว่าในไทยหลายเท่าตัว อย่างยาบ้า ในไทยเม็ดละ 30-50 บาท หากส่งไปเกาหลีใต้ ราคาพุ่งถึงเม็ดละ 2,600 บาท ไม่เว้นแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างกัมพูชา ไปขายทำกำไรในราคาเม็ดละ 100 บาท และยาเสพติดอื่นซื้อจากไทย 700 บาท ไปขาย 1,000 กว่าบาท อย่างคีตามีน มีทั้งเคจี และเคเพชร ราคาจะต่างกันไป หรือเคจี ราคากรัมละ 20,000 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนทำงานคอลเซนเตอร์ บ่อนกาสิโน และนักเที่ยวในสถานบันเทิง

กำไรและเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาล เป็นเหตุผลว่าทำไมเครือข่ายค้ายาเสพติดถึงปราบอย่างไร ก็ไม่หมดสิ้น ประเทศไทยจะหยุดเรื่องนี้ได้อย่างไร และเมื่อไม่นานมานี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ สั่งให้ลดปัญหายาเสพติดให้ได้ภายใน 90 วัน นำมาซึ่งการปูพรม ปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดครั้งใหญ่ และสั่งแก้กฎกระทรวง ครอบครองยาบ้า 1 เม็ด ก็มีความผิด

แนวทางการตัดวงจร ไม่ให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางกระจายยาเสพติด ต้องสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดเข้าชายแดนไทย รวมไปถึงสกัดกั้นการลักลอบส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ เพราะยาเสพติดไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่ทั่วโลกต้องช่วยกัน และไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ ในการหยุดวงจรไม่ให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางส่งออกยาเสพติด ต้องทำอย่างเร่งด่วน ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป ติดตามภารกิจ See True “อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ในตอนต่อไปต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 7 มิ.ย. ทางรายการไทยรัฐนิวส์โชว์ ช่อง 32 เวลา 21.00 น.