"โกลเด้น บอย" ประติมากรรมสำริด หรือ Golden Boy โบราณวัตถุอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นที่สนใจของคนในสังคมในเรื่องที่มาที่ไปในแง่ประวัติศาสตร์ ภายหลังพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน หรือ The MET ของสหรัฐฯ ส่งมอบคืนให้กับประเทศไทย พร้อมกับประติมากรรมสตรีนั่งชันเข่าพนมมือ 

มีการประเมินว่า "โกลเด้นบอย" อาจมีราคาสูงถึง 100 ล้านบาท หลังมีชาวบ้านขุดพบในพื้นที่บ้านยาง หมู่ 20 ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งปราสาทบ้านยางโป่งสะเดา และขายในราคา 1.2 ล้านบาทให้กับนายหน้าค้าโบราณวัตถุชาวต่างชาติในปี 2518 จนโกลเด้นบอยถูกลักลอบนำออกนอกประเทศนานกว่า 50 ปี กระทั่งมีการทวงคืนกลับมาตุภูมิ

จากหลักฐานแวดล้อมทั้งเครื่องนุ่งห่ม เครื่องทรง ทรงมงกุฎยอดแหลม ทางฝั่งนักวิชาการไทยบางส่วน และหนึ่งในนั้นคือ ดร.ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักวิชาการอิสระด้านโบราณคดี ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย สันนิษฐานว่าโกลเด้นบอย หรือ Golden Boy เป็นรูปสนองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มหิธรปุระ ของอาณาจักรขอมโบราณ และการสร้างประติมากรรมล้ำค่าชิ้นนี้ขึ้นมา อาจเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่อง "ผีบรรพชน" หรือผีบูรพกษัตริย์

...

ฟันธงไม่ใช่รูปสนองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6

ในอีกฝั่งหนึ่ง "รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล" อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แม้เห็นพ้องว่าโกลเด้นบอยเป็นของจริง แต่กลับเห็นต่างมองว่า ไม่ใช่รูปสนองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ไม่ใช่ประติมากรรมพระศิวะ และไม่ใช่ทวารบาลผู้รักษาศาสนสถาน แต่เป็นรูปสนองพระองค์ของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 กษัตริย์เขมรโบราณ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ครองราชย์ระหว่างปี 1593-1609 และโดยเฉพาะประติมากรรมโกลเด้นบอย ไม่ปรากฏพระเนตรที่สามและชฎามงกุฎที่มีพระจันทร์เสี้ยว ที่เป็นเอกลักษณ์ของพระศิวะ

“มาร์ติน เลิร์นเนอร์ อดีตภัณฑารักษ์ของ The MET เป็นคนแรกที่พูดว่าเป็นรูปสนองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 แต่จากการตั้งข้อสังเกตในการทำรูปสนองพระองค์ ไม่ทำตอนมีชีวิตอยู่ จะต้องทำตอนตาย ก็ต้องกลับมาทบทวนว่าศิลปะเขมรแบบบาปวนอยู่ในช่วงใด เพราะตั้งแต่ปี 1623 เป็นช่วงพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 เพิ่งเสวยราชย์ จากนั้นพระเจ้าธรณินทรวรรมันที่ 1 เสวยราชสมบัติต่อในปี 1651 ทำให้เชื่อได้ว่าพระเจ้าชัยวรรมันที่ 6 ก็ควรสิ้นพระชนม์ในปี 1651 อยู่ในช่วงศิลปะแบบนครวัดตอนกลาง แต่โกลเด้นบอยอยู่ในช่วงศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลาย ทำไมไม่คิดว่าเป็นรูปสนองพระองค์ของกษัตริย์องค์ก่อน”

หรือหากโกลเด้นบอย เป็นพระรูปสนองพระองค์พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ก็ควรมีลักษณะของการนุ่งผ้าและกรองศอ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับภาพจำหลักที่ปราสาทหินพิมาย และเมื่อพิจารณาภาพพระโพธิสัตว์วัชรปาณีที่เสาประดับฝาผนังด้านทิศใต้ของมณฑปด้านหน้าปราสาทประธาน ไม่ได้นุ่งผ้าที่มัดปมผ้าที่กึ่งกลางหน้าท้องและขอบผ้าด้านหน้าเว้าต่ำกว่าด้านหลัง อีกทั้งกรองศอของพระโพธิสัตว์ก็เป็นแถบสามเหลี่ยมขนาดใหญ่

ส่วนเหตุผลที่โกลเด้นบอย ไม่ใช่ทวารบาล เพราะถ้าประติมากรรมสำริดจากปราสาทสระกำแพงใหญ่เป็นทวารบาล เหตุใดจึงให้ความสำคัญจนต้องหล่อด้วยสำริดและกะไหล่ทอง ซึ่งในปัจจุบันเรายังไม่พบหลักฐานว่ามีการหล่อทวารบาลสำริดขนาดใหญ่ อีกทั้งในศิลปะเขมรแบบบาปวน ช่วงรัชกาลพระเจ้าอุทัยทิตยวรรมันที่ 2 มีการหล่อประติมากรรมสำริดขนาดใหญ่คือ พระนารายณ์บรรทมสินธุ์จากปราสาทแม่บุญตะวันตก และโดยปกติทวารบาลจะประดิษฐานอยู่ข้างประตูทางเข้าบริเวณนอกปราสาท 

จี้ทบทวน ประติมากรรมสำริดโกลเด้นบอย หมายถึงใคร

ขณะที่ตำแหน่งภูมิศาสตร์บ้านยางที่ขุดพบโกลเด้นบอย ไม่พบหลักฐานว่าพระเจ้าอุทัยทิตยวรรมันที่ 2 มีความสัมพันธ์อย่างใดกับพื้นที่แห่งนี้ แต่พื้นที่แถบนี้เป็นแหล่งถลุงโลหะ มีชุมชนขนาดใหญ่และมีชุมทางคมนาคมสำคัญเชื่อมกับเขมร อีกอย่างในประเทศไทยยังมีประติมากรรมอีกชิ้นที่มีลักษณะคล้ายกับโกลเด้นบอย ขุดได้จากปราสาทสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ในปี 2532 จึงจำเป็นต้องกลับมาทบทวนว่าประติมากรรมสำริดชิ้นดังกล่าวหมายถึงใคร และมีความสัมพันธ์อย่างไรกับโกลเด้นบอย 

...

“โกลเด้นบอย จึงควรที่จะเป็นพระรูปสนองพระองค์พระเจ้าอุทัยทิตยวรรมันที่ 2 พระโอรสของพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 1 ได้สิ้นพระชนม์เมื่อปี 1609 เป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับรูปแบบงานศิลปกรรมของประติมากรรมชิ้นนี้ และพระรูปสนองพระองค์พระราชา เปรียบเสมือนอาณาบารมีของราชสำนักเมืองพระนครที่แผ่ขึ้นในลุ่มแม่น้ำมูล แม้สิ้นพระชนม์ไปแล้วแต่ได้กลายเป็นรูปเคารพที่ครอบงำชุมชุน มีอำนาจเหนือกว่าผีทุกตนในดินแดนนั้น ตามแนวคิดแบบรัฐโบราณ หรือที่เรียกว่าผีบรรพชน”.