หลังจักรภพ เพ็ญแข ลี้ภัยทางการเมืองไปอาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา มานาน 15 ปี ตั้งแต่ปี 2552 ก็ได้กลับแผ่นดินเกิดเมื่อ 28 มี.ค. 2567 ในวัย 56 ปี ตามรอยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่ 

การตัดสินใจกลับไทยของจักรภพ อดีตโฆษกรัฐบาลสมัยทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสมัยสมัคร สุนทรเวช และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยไม่มีความกังวลใจใดๆ เพื่อกลับไปรับใช้บ้านเมืองอย่างที่ประกาศออกมา น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง และดีลลับไฟเขียวให้กลับมาอย่างราบรื่น เหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน 

จักรภพ เพ็ญแข ในปัจจุบัน
จักรภพ เพ็ญแข ในปัจจุบัน

จักรภพ เพ็ญแข ในอดีต
จักรภพ เพ็ญแข ในอดีต

...

จักรภพกลับมา ตามรอยนายใหญ่ พาคนเสื้อแดงมาด้วย

แล้วจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นหลังการกลับมาของจักรภพ “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต มองว่า การกลับเข้ามาไทยของจักรภพ เป็นการได้รับสัญญาณ ด้วยการตามรอยทักษิณ และการกลับมาของจักรภพ ก็มีหลายประเด็น 1. พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล 2. อัตราโทษในคดีที่ค้างคา 3. การกลับมาเป็นสัญญาณจะทำให้คนเสื้อแดงที่มีปัญหาทางการเมือง เดินตามรอย และ 4. เข้ามาเติมเต็มกลุ่มความคิดทางการเมือง เหมือนกลุ่ม "CARE คิด เคลื่อน ไทย" เป็นการรวมกลุ่มขั้วความคิดทางการเมือง แบบพรรคไทยรักไทย

“เชื่อว่าจะมีเสื้อแดงคนอื่นตามกลับมา เพราะรัฐบาลเป็นฝ่ายเดียวกัน โทษต่างๆ ประกันตัวได้ไม่มีปัญหา เป็นการต่อสู้ทางคดี จากปัจจัยสำคัญคือความเป็นรัฐบาลของเพื่อไทย หรือเรียกว่ารัฐบาลเสื้อแดง ก็ได้ คิดว่าจักรภพคิดหน้าคิดหลังมาแล้ว ก่อนกลับมา และเรื่องดีลคงมี เพราะมีทักษิณเป็นตัวเชื่อม แต่แน่นอนจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกับทักษิณ เหมือนตราบาปในกระทรวงยุติธรรม เรื่องกระบวนการยุติธรรม อาจมีผลบ้างต่อรัฐบาล”

ขณะที่พรรคก้าวไกล พยายามทำลายฝ่ายตรงข้าม หากยิ่งเล่นแรงก็จะส่งผลในการสร้างพื้นที่ให้กับพรรคตัวเอง ไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพราะปัญหามีการอธิบายไม่ชัดเจนว่าทำไมปฏิบัติกับทักษิณแบบนี้ จะเป็นประเด็นให้กับอีกฝ่ายในการหาแนวร่วมในการถล่ม รวมถึงฝ่ายตรงข้ามคนเสื้อแดง คิดว่าบ้านเมืองคงไม่เกิดความวุ่นวายเหมือนในอดีต และอีกฝ่ายก็ต่อสู้จนเลยขอบเขต หากทำตามขอบเขต ตามมารยาท ก็คิดว่าคนอื่นจะเอาด้วย แต่ทุกวันนี้เล่นแบบหมดพลัง

กระบวนการยุติธรรมเอียงกระเท่เร่ คนมีโทษกลับมาสบายๆ

อีกทั้งรัฐบาลปัจจุบันเป็นการรวมระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายทุนนิยม จนคดีต่างๆ ที่ออกมาทำให้แต่ละคนได้ประโยชน์ เพราะกระบวนการยุติธรรมเอียงกระเท่เร่ เว้นแต่ว่ารัฐบาลมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน นำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้ง คงเป็นประเด็นนี้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลอย่าสะดุดขาตัวเองในการสร้างปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ควรเรียนรู้การรัฐประหารครั้งที่ผ่านมาว่าเกิดจากสาเหตุใด นำมาเป็นข้อควรระวัง ส่วนเหตุผลอื่นๆ ไม่มี ยกเว้นการทุจริตคอร์รัปชัน หรือการแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัวของพรรคร่วมรัฐบาล

“ต้องเรียนรู้ข้ออ้างการรัฐประหาร ถ้าไม่ระวังก็จะสะดุดขาตัวเอง คิดว่ารัฐบาลมีโอกาสสูงจะอยู่ครบเทอม ส่วนดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อว่าคงมีเหตุผลในการเดินหน้าต่อ อาจปรับกลุ่มว่าใครควรได้เงินไม่ได้เงิน คิดว่ารัฐบาลหาช่องทางไปได้ แทนที่จะแจกทุกคน 50 ล้านคน ทำให้ไม่มีข้อกังวลอะไรทางการเมือง แต่ควรทำอย่างไรให้เห็นผลงาน ไม่ใช่ไปแต่ต่างประเทศ ไม่เห็นเนื้องานที่เป็นรูปธรรม และบางกระทรวงมีรัฐมนตรีที่โลกลืม”

...

หลังจากนี้จะมีการปรับ ครม.เชื่อว่ารัฐบาลจะทำงานเชิงรุกมากขึ้น แต่ขณะนี้เหมือนต่างตอบแทน และคิดว่าจักรภพ จะเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองเชิงแนวคิด การสื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล จะเห็นจักรภพเข้ามามีส่วนขับเคลื่อนในเรื่องนี้ และจะเห็นคนเสื้อแดงทยอยกลับมาไทย

กลายเป็นว่าไม่มีความจำเป็นในการแก้กฎหมายในการนิรโทษกรรม ทำให้นิรโทษกรรมกลายเป็นวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น และกฎหมายที่มีอยู่ก็ใช้กันไม่ครบถ้วน ไม่มีความจำเป็นจะมีกฎหมายนิรโทษกรรม ควรกลับไปดูว่ากฎหมายเก่าๆ มีข้อบกพร่องอะไร จนทำให้คนมีโทษทางคดีกลับมา ก็หมายถึงกฎหมายมีปัญหานั่นเอง.