นักอาชญาวิทยาวิเคราะห์ คดี ลวง รุมโทรม เด็กหญิงสุโขทัย วิธีการอาจมาจากการเลียนแบบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย กับคำถาม ควรลงโทษแบบผู้ใหญ่ หรือ ดำเนินคดีพ่อแม่ด้วย...
ตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงปีนี้ มีคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ โดยมีผู้ก่อเหตุ เป็นเด็กและเยาวชนเกิดขึ้นหลายคดี
และวานนี้ 17 มี.ค. ก็เป็นอีกครั้ง ที่ได้มีการเปิดเผยเหตุสลด กับการรุมโทรมเด็กหญิงวัย 13 ปี ที่เกิดขึ้นที่ จ.สุโขทัย ซี่งเปิดเผยโดย “กัน จอมพลัง”
กัน จอมพลัง ระบุว่า ได้รับการร้องเรียนจาก “ย่า” คนหนึ่งว่า “หลานสาว” วัย 13 ปี ที่ถูกรุ่นพี่หญิงคนหนึ่งที่เคยทะเลาะกัน จากนั้น ได้ออกอุบาย “แสร้ง” มาคืนดี และชวนไปกินข้าว ก่อนจะถูกพาไปที่ทุ่งนา แล้วโดนวัยรุ่นในหมู่บ้านกว่า 10 คนรุมโทรม ก่อนจะนำเธอมาปล่อยไว้ข้างถนน
เวลาต่อมา ตำรวจได้ดำเนินคดีเยาวชนที่เกี่ยวข้องแล้ว 5 คน ในข้อหา “ร่วมกันกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี อันมีลักษณะการโทรมเด็กหญิง ส่วนที่เหลือ อ้างว่าไปด้วยกัน แต่ไม่ได้ข่มขืน ซึ่งตำรวจกำลังอยู่ระหว่าง “ขยายผล”
กระทั่งล่าสุด วันนี้ “กัน” ออกมาเปิดเผยว่า เขาได้รับแจ้งว่า เหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง และล่าสุด มีเหยื่อรายใหม่ เป็นเด็กหญิง อายุ 14 ปี ได้ให้ข้อมูล ว่าโดน 10 อาชญากรเด็ก ทำในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวครอบครัวเสียใจ...
เกิดอะไรขึ้นกับ “สังคมไทย” หรือเป็นเพราะ “ทรชน” เหล่านี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย?
พล.ต.ท.พิศาล มุขแจ้ง อดีตอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ นักอาชญาวิทยา มองประเด็นที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ว่า แนวโน้มของคดีอาชญากรรมนั้น มีสถิติ และความรุนแรง เพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งอาชญากรรมโดยผู้ใหญ่ หรือ แม้แต่จะเป็นเด็กก็ตาม
...
ความเป็นไปของอาชญากร นั้น พบว่า มี “อายุเฉลี่ย” น้อยลงทุกปี สิ่งนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า เด็กนั้นโตเกินวัย แต่บางส่วนกลับมีจิตใจกลายเป็นอาชญากร” หมายความว่า เด็กบางคนมีการเรียนรู้การเป็นอาชญากร
พล.ต.ท.พิศาล อธิบายว่า หากย้อนไปหลายสิบปีก่อน คนที่จะเลือกก่อเหตุอาชญากรรมและกลายเป็น “อาชญากร” นั้น ส่วนมากจะอยู่ในวัย หนุ่มสาว คือ อายุ 20-25 ปี วัยที่มีพลังแห่งการสร้างสรรค์ และ ทำลาย แต่กลับกัน สมัยนี้ เด็กอายุ ต่ำกว่า 18 ปี มีการกระทำผิดอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญมากขึ้น ทั้งคดี ฆาตกรรม ข่มขืน ชิงทรัพย์
จากข้อมูลของ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พบว่า ในปี 2565 มีเด็กอายุ 10-15 ปี ถูกข่มขืนมากที่สุด คือ 381 คน รองลงมา อายุ 15-20 ปี คือ 198 คน ขณะที่เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 10 ขวบ ถูกข่มขืนถึง 110 คน
“คดีที่เกิดขึ้นนี้ คนที่เป็นเหยื่อ...ยังเด็ก และยังไม่รับรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศด้วยซ้ำ ในขณะที่คนก่อเหตุ บางคนอายุก็ยังน้อยมาก ที่จะกระทำความผิดทางเพศ...”
อาชญากรเด็ก กับการเรียนรู้ด้วยการเลียนแบบ
นักอาชญาวิทยา มองว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะจริงทั้งหมดตามข่าวหรือไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เราก็เคยเห็นเรื่องราวแบบนี้ในหนัง หรือ ละคร หรือข่าว
“การตีสนิท แล้วหลอกลวง แล้วแอบแฝงด้วยการกระทำอะไรไม่ดีกับเหยื่อนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัย เป็นแผนร้ายที่แยบยล ที่เกิดขึ้นจากการ “เลียนแบบ” ที่เห็นจากสื่อต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ หรือ ละคร หรือแม้ตัวอย่างบุคคลในข่าว
ที่ผ่านมา เคยมีคดี เกิดขึ้น ทั้งที่ผู้ก่อเหตุ เป็นแฟนตัวเอง, เพื่อนที่กะเทยลวงก็มี
กฎหมาย และ การลงโทษแบบผู้ใหญ่
ปัจจุบัน มีการเรียกร้องให้มีการลงโทษเยาวชนให้เหมือนกับผู้ใหญ่ พล.ต.ท.พิศาล อธิบายว่า เวลานี้สังคมไทยและสังคมโลก เล็งเห็นว่า แม้จะเป็นเด็ก แต่หากมีพฤติกรรมในการทำผิดที่รุนแรง โหดร้าย ทารุณเกินเด็ก หรือ มีจิตใจเป็นอาชญากรโดย “กมลสันดาน” โดยพิจารณาจากแผนพฤติกรรมของคนร้าย เช่นการไตร่ตรองวางแผน วิธีการโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ไม่คำนึงถึงผู้เสียหาย ไม่สงสารเหยื่อเลย และมีการกระทำผิดหลายครั้ง สิ่งเหล่านี้ เขาจะนำมาพิจารณาในการลงโทษแบบผู้ใหญ่
“ในขณะที่นักสังคมสงเคราะห์ บางคนอาจจะมองว่า เขาอาจจะผิดพลาด อ่อนด้อยด้วยประสบการณ์ พลั้งเผลอ กระทำโดยขาดวุฒิภาวะ จิตรู้สำนึก หรือ สภาพจิตใจ ร่างกายไม่สมบูรณ์ ก็อาจจะมีการพิจารณาลงโทษสถานเบาได้..”
นอกจากนี้ ในสังคมโลก จะไม่มองไปที่ตัวเด็กหรือเยาวชนอย่างเดียว แต่เขามองไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย เขาจะตั้งคำถามว่า อบรมเลี้ยงดูลูกอย่างไร เลี้ยงแบบปล่อยปละละเลย ปล่อยให้ลูกไปมั่วสุมอบายมุข ซื้ออาวุธ เสพยาเสพติด ซื้อรถ จยย. ให้ลูกไปขับรถซิ่งในแนวสนับสนุน
...
พฤติกรรม เหล่านี้ ถือว่าไม่รับผิดชอบต่อลูกตัวเอง ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ดังนั้น พ่อแม่จะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบจากการกระทำความผิดของลูก
“ส่วนตัวผม เห็นด้วย กับแนวคิดนี้ หากทำผิดทางอาญา พ่อแม่ก็สมควรจะโดนโทษทางอาญาด้วย ต้องลงโทษพ่อแม่ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง...”
เมื่อถามว่า เด็กรู้กฎหมาย กับช่องโหว่การลงโทษเด็ก จึงทำให้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
พล.ต.ท.พิศาล ยอมรับว่า เรื่องนี้มีส่วนสำคัญ เพราะที่ผ่านมา มีข่าวลักษณะนี้เยอะ และรู้ว่า โลก มีอนุสัญญาคุ้มครองเด็ก ทำให้เด็กรู้สึกว่า กฎหมายไม่สามารถลงโทษรุนแรงได้ แต่...การคิดแบบนี้ มันทำให้เด็กโตเกินวัย ใจอาชญากร เพราะรู้ว่าทำผิดแล้วกฎหมายลงโทษได้ไม่เต็มที่ หรือ ไม่ต้องรับโทษ
“การลดเกณฑ์เด็กในการรับโทษนั้น ส่วนตัวเห็นด้วย แต่ก็ต้องดูประกอบว่า จิตใจเด็กคนนั้นเป็นอาชญากรหรือไม่ เพราะหากการทำผิดนั้น เป็นการบันดาลโทสะ หรือ ด้อยประสบการณ์จริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นความผิด แบบนี้ ก็พอรับได้ สิ่งสำคัญ ต้องแยกแยะเป็นรายบุคคล ควรให้อำนาจศาลในการลงโทษเด็กตามดุลพินิจและฐานความผิด"
...
พล.ต.ท.พิศาล มองว่า สถานการณ์การทำผิด ของเยาวชน เวลานี้ ถือเป็นเรื่องน่าห่วงมาก สิ่งที่อยากจะฝากคือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถาบันครอบครัว ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ ผับบาร์ เครื่องดื่มมึนเมา บุหรี่ กัญชา หรือ น้ำกระท่อม สิ่งเหล่านี้มันสมควรหรือไม่ ที่จะให้เด็กเข้าถึงเด็ก ขณะที่ ตำรวจ อัยการ หรือ แม้แต่สถานพินิจ หากเขาต้องมาอยู่ในวงล้อของกระบวนการ จะต้องร่วมกันแก้ไขอย่างไร หากทำผิดแล้ว ต้องทำให้เขากลับใจ กลายเป็นคนดี ไม่ใช่เป็นสถานที่เรียนรู้พฤติกรรมอาชญากร
“เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ว่า เราต้องดูแลเด็กให้ดีๆ โดยเฉพาะวัยนี้ เพราะเขายังไม่รู้เท่าทันโลก ฉะนั้น ผู้ปกครองควรจะดูแลใกล้ชิดมากกว่านี้ หากใครมาชักชวนไปไหน ก็ควรจะไปถามผู้ปกครองก่อน ก่อนที่จะเลือกเดินไปกับใคร”
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ
ปลูกพืชผสมผสาน 4 ปี ปลดหนี้ 1 ล้าน! อดีตมนุษย์เงินเดือน สู่เกษตรกรตัวอย่าง
เหมือนเดิม ที่เดิม คนเดิม “ทักษิณ ชินวัตร” กลยุทธ์เก่า จุดขายเดิมรีรัน?
“คนหาย” วัยทำงานมากสุด 80% หาพบ แม้เป็นศพ ต้องพากลับบ้าน
...
เที่ยวญี่ปุ่นเมื่อมากเกินไปจนอึดอัด ก็ถึงเวลาต้องเน้นคุณภาพและยั่งยืน