ฆ่าหนุ่มโรงงาน มัดมือมัดเท้ายิงหัว โยนศพทิ้งริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์ หลังตำรวจคุมตัวช่างกิต มือฆ่าที่ยอมรับว่าลงมือเพราะหึงหวงแฟนสาวผู้ตาย ขณะสังคมจับตาความสัมพันธ์คบซ้อนของพร ภรรยาผู้ตาย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเฉพาะคีย์การ์ดเข้าออกหมู่บ้าน ที่อ้างว่าช่างกิตขโมยไปก่อนวันเกิดเหตุ

กรณีคนร้ายก่อเหตุอุ้มฆ่า นายธนาสันต์ หรือ ใหม่ เตอั้น อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงาน มัดมือมัดเท้ายิงหัวโยนศพทิ้งบริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ กม.41+100 ขาเข้ากรุงเทพฯ อ.บางปะกง จนมีผู้พบศพ เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้จับกุม นายกิตติโชติ หรือ ช่างกิต อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุ ขณะที่ลูกน้องที่ไปด้วยกันปฏิเสธไม่ได้มีส่วนร่วมในการฆ่า
แต่หลังจากนั้น มีการแฉถึงความสัมพันธ์คบซ้อนของพร ภรรยาผู้ตาย ที่ทำงานรถขนส่ง จนได้พบกับช่างกิต ผู้ก่อเหตุ แม้เธอปฏิเสธ แต่พยานแวดล้อมให้ความเห็นว่าเธอมีพฤติกรรมคบซ้อน จนพรออกมายอมรับว่า ไม่นึกว่าช่างกิตทำร้ายสามีของตน และผิดเองที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการฆ่าสามี ขณะที่ข้อมูลจากตำรวจมีการอ้างว่า ช่างกิต ลงมือฆ่าเพราะเห็นแชตของพรที่ตอบกลับสามี
...
มีการพยายามขุดคุ้ยความสัมพันธ์ของพรกับช่างกิต ล่าสุดมีการเปิดภาพกล้องภายในรถระหว่างทำงาน เป็นภาพชายปริศนาหยอกล้ออยู่กับพร และมีการไล่วงจรปิดเกี่ยวกับคีย์การ์ดเข้าหมู่บ้าน ที่มีข้อสงสัยอีกหลายประเด็น

ฆ่าหนุ่มโรงงาน ที่คลั่งรักคบซ้อน แรงจูงใจที่ทำให้ช่างกิตลงมือก่อเหตุ ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้วิเคราะห์สิ่งที่หลายคนสงสัยว่า กรณีการก่อเหตุของช่างกิต ตอนนี้สังคมจับตาความสัมพันธ์ของภรรยาผู้ตาย ว่ามีความสัมพันธ์ซับซ้อน จนถึงขนาดทำให้ลงมือฆ่าได้หรือไม่ ขณะเดียวกันตำรวจก็ต้องพยายามหาข้อมูลว่า มีการตกลงร่วมกันระหว่างช่างกิตกับภรรยาผู้ตายหรือไม่
การคบหากันลักษณะชู้สาวมีผลแน่ๆ ที่นำสู่การฆาตกรรม แต่ต้องหาข้อมูลเชิงลึกว่า เหตุที่นำสู่การฆาตกรรม มีข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับผู้ต้องสงสัยหรือไม่ เพราะหลายกรณีที่มีการคบซ้อน โลกสองใบหรือสามใบ ก็ไม่นำสู่การฆาตกรรม แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ช่างกิตถึงจุดที่ต้องไปฆ่าผู้ตาย
ช่างกิต อาจมีทั้งแรงจูงใจ และแรงกดดันในการต้องลงมือฆ่า เพราะหัวหน้าของผู้ก่อเหตุบอกว่า พรบอกกับช่างกิตว่าท้อง โดยบอกในช่วงวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมประมาณ 1 อาทิตย์ อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นการสร้างความกดดันให้กับฝ่ายชาย

คดีฆ่าหนุ่มโรงงาน ตำรวจทำการสืบสวนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คือการค้นหาความจริง ว่าภรรยาผู้เสียชีวิตมีความเจตนาหรือไม่เจตนา ในการมีส่วนรู้เห็นในการก่อเหตุ เพราะว่าคีย์การ์ดเข้าหมู่บ้านของภรรยาผู้ตายหาย ซึ่งไปอยู่กับผู้ก่อเหตุ

...
อีกข้อสงสัยคือ การก่อเหตุของคนร้าย เหมือนรู้ความเคลื่อนไหวของเหยื่ออยู่ตลอด โดยสามารถเข้าไปในหมู่บ้าน และตามเหยื่อไปได้อย่างกระชั้นชิด แสดงว่าคนร้ายต้องรู้ข้อมูลบางอย่าง ดังนั้น ตำรวจต้องพิสูจน์เจตนาให้ได้ ว่าภรรยาของผู้เสียชีวิต มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เพราะคดีอาญาจะไม่สามารถกล่าวหาแบบลอยๆ ตำรวจจึงต้องหาหลักฐานเพื่อมายืนยันให้ได้ และถ้าภรรยาผู้ตายไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ก็จะทำให้พรยืนยันความบริสุทธิ์กับคนในสังคมได้.