จากคดี นางบัวผัน ตันสุ หรือ “ป้ากบ” ถูกกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น ที่อรัญประเทศทำร้าย ก่อนนำร่างไปทิ้งน้ำ จากคดี นางบัวผัน ตันสุ หรือ “ป้ากบ” ถูกกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น ที่อรัญประเทศทำร้าย ก่อนนำร่างไปทิ้งน้ำ และต่อมากลายเป็นเรื่องราวบานปลาย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับ “ลุงเปี๊ยก” สามีป้ากบ กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว “แพะรับบาป” สร้างความเสียหายต่อ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ... จากคดีดังกล่าว ทำให้ สปอตไลต์ สาดส่องไปยังในมุมเงามืดของสังคม กับปัญหา “คนเร่ร่อน” และ “คนไร้บ้าน” เนื่องจากตกเป็น “เป้าหมาย” ของการ “รังแก” จากกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนอง เรื่องนี้ มีมูลขนาดไหน และมีบ้างไหม ที่เป็นเหมือน “ป้ากบ” ที่ถูกทำร้าย หรือต้องตายข้างถนน... “ฉันนอนตรงนี้ไม่ได้...เพราะตอนกลางคืน เจอกลุ่มวัยรุ่น เอาถุงขี้มาปาใส่!”นี่คือ บทสนทนาแรก เมื่อทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ สอบถามกับ คุณจ๋า-อัจฉรา สรวารี จากมูลนิธิอิสรชน มูลนิธิที่คอยให้การช่วยเหลือกลุ่มคนเร่ร่อน และไร้บ้าน โดยบอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ กรณีคล้ายป้ากบ ก็มีเหมือนกัน เช่น มีคนเข้ามาทำร้าย ซึ่งบางเคส กลุ่มคนไร้บ้านเหล่านี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ “ต่อให้โดนทำร้ายจนตาย...ก็ไม่เป็นข่าว เพราะไม่มีใครเป็นปากเป็นเสียงให้ และไม่มีใครที่จะพูดถึง เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะกับคนไร้บ้านที่เหมือนไร้ตัวตน” คุณจ๋า อัจฉรา บอกว่า เคสป้ากบ นั้นยังถือว่ามีความโชคดีที่มีคนในชุมชนนั้นๆ ดูแลอยู่และไม่ได้รังเกียจ วิกฤติโควิด สปอตไลต์สาดส่องถึง คนเร่ร่อน...ก่อนที่จะเกิดโรคโควิด-19 ระบาด ก็มีคนตายอยู่บนท้องถนนอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครสนใจ แต่เมื่อโควิด-19 ระบาด คนตายบนท้องถนน จนทำให้เริ่มมีคนมาสนใจคนไร้บ้านบ้าง “ข้อมูลของมูลนิธิอิสรชน พบว่า แต่ละปีจะพบผู้เสียชีวิตประมาณ ปีละ 20 กว่าคน รวมทุกเคส คือ ป่วย หรือถูกทำร้าย ซึ่งเราก็พบว่า บางครั้งคนเหล่านี้เดินหน้าปูด หน้าบวมมา ถามว่าเป็นอะไร เขาบอกว่าถูกตีมา แต่เมื่อถามย้ำว่า เป็นใคร เขาก็ไม่บอก เนื่องจากภาพลักษณ์ของคนไร้บ้านนั้น คนทั่วไปจะมองว่าชอบอาละวาด ทำร้ายคนอื่นอยู่แล้ว แต่เราก็พยายามอธิบาย สิ่งที่เราไปสัมผัสเขามา คือ ถ้าเขาอยู่ในภาวะปกติ เขาไม่ทำร้ายใครอยู่แล้ว ยกเว้นเมา แต่ที่เป็นข่าว คือ เดินๆ มา ไปตบหน้าคนอื่นที่ป้ายรถเมล์ คนเหล่านั้นบางส่วนมีอาการทางจิต แต่เวลาสังคมพูดถึงภาพรวม จะมองในแง่ลบ ด้วยความที่ไม่เข้าใจ”ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.สุขภาพจิต เมื่อเป็นแบบนี้ คนจะบอกว่าป่วย ก็ส่งรักษาสิ...คุณจ๋า บอกว่า ความจริงไม่ได้ง่ายแบบนั้น การจะพาเคสออกจากถนนได้ ผู้ที่มีอำนาจจะเป็น “ตำรวจ” หรือ “แพทย์” ซึ่ง 2 กรณีนี้ไม่ค่อยทำสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว โดยในครึ่งเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ทางมูลนิธิฯ ได้พาคนไร้บ้านที่ถูกทำร้าย หน้าปูด ตาบวม ไปส่งโรงพยาบาลแล้ว 4-5 ราย “ที่ร้ายแรง คือ เคสถูกทำร้ายหัวแตกเลือดอาบ อีกเคส นอนสลบแน่นิ่งไป นอนอยู่ห้อง ICU อยู่ 3 สัปดาห์ แต่ยังโชคดีปั๊มหัวใจขึ้นมาได้และออกจาก รพ.แล้ว ส่วนคดีความนั้น ไม่มีอยู่แล้ว เพราะเขาไม่อยู่ในฐานะไปเรียกร้องอะไรได้ เนื่องจากไม่มีคู่กรณี ทั้งเจ็บ ทั้งตาย ไม่มีใครสนใจ ยกเว้น ว่าจะมีญาติมาตามหา” หากไร้ญาติ หน่วยกู้ภัยจะนำร่างไปฝัง เมื่อครบ 20 ปีไม่มีใครมาตาม ก็จะทำพิธีล้างป่าช้า ขณะที่ชื่อในทะเบียนราษฎรของคนเหล่านี้ จะถูกสวมสิทธิไปก็มี กลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนเรื่องนี้เคยพูดให้หน่วยงานราชการฟังแล้ว แต่ปัญหาคือ หน่วยงานไทย ไม่เก็บข้อมูล ไม่ลิงก์ข้อมูลกัน จะทำอะไรที ก็เก็บข้อมูลใหม่ จนต้องตั้งคำถามว่าข้อมูลที่มีมันไปไหน...