ใกล้ครบ 4 เดือน หลังจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับไทยเมื่อ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางปริศนาชั้น 14 ของ รพ.ตำรวจ เป็นพื้นที่พักฟื้น หลังมีการรายงานอาการป่วยกะทันหันในค่ำคืนกลับมาไทย เช่นเดียวกับกลุ่มที่เรียกร้องให้นำอดีตผู้นำเข้าไปพักฟื้นในเรือนจำ แต่ยังไร้เสียงตอบรับ แถมมีข่าวถึงการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งยังต้องจับตา

หากย้อนไทม์ไลน์เส้นทางกลับไทยของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 ทันทีที่เครื่องบินส่วนตัวลงจอด ณ สนามบินดอนเมือง กลุ่มผู้สนับสนุนต่างแสดงความดีใจ เมื่อปรากฏภาพอดีตนายกรัฐมนตรีเผยรอยยิ้ม โบกมือให้กับสื่อมวลชน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายทักษิณ เดินทางไปยังศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามหมายจับมาส่งต่อศาล และศาลได้แจ้งให้จำเลยทราบคำพิพากษาแล้ว รวมจำคุก 3 คดี เป็นระยะเวลา 8 ปี

นายทักษิณ เดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยแพทย์ทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ พบว่า นายทักษิณ เป็นกลุ่มเปราะบาง อายุเกิน 60 ปี มีประวัติทางการรักษาที่ผ่านมา ผลการตรวจเบื้องต้นมีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวัง แต่แล้วกลางดึกดังกล่าวกลับมีรายงานการส่งตัว นายทักษิณ ไปรักษายังโรงพยาบาลตำรวจเร่งด่วน ต่อมาได้รักษาตัวที่ชั้น 14 จนตอนนี้เข้าเดือนที่ 4

...

แม้มีการกดดันของผู้ที่ไม่เห็นด้วยให้ย้าย นายทักษิณ กลับเข้าไปพักฟื้นในทัณฑสถาน แต่มีการตั้งคำถามถึงการที่ คุณทักษิณ จะเข้าเงื่อนไขขอพักโทษ

แต่ประเด็นที่ปลุกกระแสสนใจของฝ่ายเห็นต่างเริ่มดุเดือดมากขึ้นเมื่อมีการพูดถึง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคก้าวไกล โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประกบร่วมกับของพรรคก้าวไกล ขึ้นอยู่กับทางฝ่ายกฎหมาย และผู้บริหารว่าเห็นควรอย่างไร จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเสนอเป็นร่างของพรรค ซึ่งต้องไปพิจารณาในรายละเอียด เนื่องจากเนื้อหาสาระของแต่ละร่างอาจแตกต่างกัน ก็เป็นกลไกของสภาว่าจะใช้ร่างใดเป็นหลัก

เท่าที่ทราบยังไม่น่ามีการพูดคุยกัน น่าจะเป็นแนวคิดของเลขาธิการพรรคที่อาจจะมีการนำเสนอ ขณะที่คำถามส่วนตัวคิดว่าการนิรโทษกรรมจะสามารถเดินต่อไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่จะต้องดำเนินการ ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งก็ไปได้ หากเกิดประโยชน์โดยรวม แต่หากเป็นความเห็นที่นำไปสู่ความขัดแย้ง การนิรโทษกรรมก็จะเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็ต้องลดข้อจำกัดลง

ด้าน ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย ต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคก้าวไกลว่า คงต้องขอดูรายละเอียดของกฎหมายดังกล่าวก่อนว่ามีสาระสำคัญหลักการ และเหตุผลว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนตนคิดว่ารัฐสภาก็จะพิจารณา

เมื่อถามว่าช่วงหาเสียงเหมือนพรรคเพื่อไทยมีการหยิบยกประเด็นการนิรโทษฯ มาใช้ด้วย นายประเสริฐ กล่าวว่า ช่วงหาเสียงพรรคเพื่อไทยเน้นไปที่นโยบาย เรื่องนิรโทษฯ เราไม่ค่อยได้พูดเท่าไร แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อะไรที่ไม่เกี่ยวกับมาตรา 112 เราจะเห็นด้วย แต่ถ้าเป็นความผิดทางด้านการเมืองที่เป็นเรื่องการเมืองจริงๆ และเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมาก ก็ขอดูรายละเดียดของตัวร่างอีกครั้ง

ท่ามกลางปริศนาของบุคคลชั้น 14 และการเรียกร้องถึงความเท่าเทียมในการถูกควบคุมตัวหลังถูกพิจารณาความผิด ยังคงต้องติดตามว่าต่อจากนี้จะมีการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไปต่อในทิศทางไหน และใครได้ประโยชน์ หรือต้องพับแผนเก็บไว้ดังเช่นที่ผ่านมา.