ห่างเพียง 9 วัน หลังผู้ก่อเหตุซ้อนมอเตอร์ไซค์ ดักยิงนักศึกษาอุเทนถวาย ย่านคลองเตย "ครูเจี๊ยบ" ถูกลูกหลงเสียชีวิต และต่อมานักศึกษาปี 1 อุเทนถวาย ถูกยิงซ้ำ เสียชีวิตลงอย่างสงบที่โรงพยาบาล ตำรวจไม่ทันควานหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เช้าวันที่ 20 พ.ย. 66 ก็เกิดเหตุซ้ำรอย คนร้ายยิงนักศึกษา ปวช.ปี 2 วิทยาลัยเทคนิคดุสิต เสียชีวิตระหว่างไปโรงเรียน นี่ไม่ใช่เหตุ "นักเรียน นักเลง" แต่คนร้ายทั้ง 2 คดี มีเป้าประสงค์จงใจฆ่า หากไม่เร่งปราบปรามจับกุม ยิ่งลุกลามกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ

เหตุการณ์แรก จ่อยิงนักศึกษาอุเทนถวาย กลางกรุงย่านคลองเตย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ย. 66 เหตุสะเทือนขวัญ ทำให้ “ครูเจี๊ยบ” ถูกลูกหลง กระสุนเจาะเข้าบริเวณสำคัญเสียชีวิต ก่อนผู้ก่อเหตุยิงซ้ำนักศึกษาที่ล้มลงบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเสียชีวิต

...

ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 วันที่ 20 พ.ย. 66 เวลา 07.30 น. มีเหตุนักศึกษาอาชีวะถูกยิง ถนนระนอง 2 เขตดุสิต กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุบนฟุตบาท พบศพนักศึกษาชาย อายุ 16 ปี เรียนปวช. ปี 2 วิทยาลัยเทคนิคดุสิต สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อช็อปช่าง เสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดที่กลางหน้าอก 1 นัด ในที่เกิดเหตุพบปืนปากกา 1 กระบอก มีกระสุน .38 คารังเพลิง และอาวุธมีด 1 เล่ม

เพื่อนและผู้ปกครองของผู้เสียชีวิตเล่าว่า เช้าวันเกิดเหตุ น้องได้เดินทางมาโรงเรียนตามปกติ แต่ระหว่างเข้าไปโรงเรียน กลุ่มคนร้ายได้ขับมอเตอร์ไซค์ตามมา 2 คัน ก่อนเกิดเหตุต่อสู้กัน จนมอเตอร์ไซค์ล้ม โดยภาพในกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นคนร้ายสวมเสื้อแขนยาว ใส่หมวกกันน็อกปกปิดใบหน้า ได้ทำร้ายผู้ตายด้วยอาวุธปืน ยิงเข้ากลางอก เสียชีวิตทันที เมื่อผู้ปกครองมาถึงก็ร่ำไห้ พร้อมกับให้ข้อมูลว่า ผู้ตายเป็นเด็กเรียนดี และไม่เคยมีปัญหากับสถาบันอื่น

ความเชื่อผิด ผู้ก่อเหตุยิงสถาบันตรงข้ามไม่เลือก

เหตุยิงนักศึกษาอาชีวะ 2 คดีใหญ่ ห่างกันเพียง 9 วัน มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย ในมุมมอง อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุลักษณะนี้หลายครั้ง วิเคราะห์กับทีมข่าว เจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า การทำร้ายนักเรียนอาชีวะในอดีต เกิดเหตุอย่างมากก็เพียงบาดเจ็บ ถ้ามีการใช้อาวุธปืนจะเป็นเหตุค่อนข้างใหญ่ และถูกตามจับทันที แต่ด้วยยุคนี้ ปืนก่อเหตุที่ใช้มีอานุภาพร้ายแรงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ขณะที่คนร้ายมีการวางแผนเพื่อหวังชีวิต

“อาวุธปืนตอนนี้หาง่าย มีการดัดแปลงปืนมาแอบขายกันในราคาไม่แพง เวลาเกิดเหตุจะมีกลุ่มนักเรียนที่เกเรมารวมกลุ่มกัน เป็นส่วนน้อยของโรงเรียน แต่มีอยู่แทบทุกสถาบัน โดยกลุ่มนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อ ส่วนใหญ่ไม่ใช่นักเรียนเกเร แต่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มที่มาปองร้าย ซึ่งกลุ่มคนร้ายตระเวนมาหาเหยื่อพอเจอแล้วยิง ดังนั้น เวลาเกิดเหตุร้ายมักเจอในลักษณะนี้เป็นประจำ”

2 เหตุการณ์ยิงนักเรียนอาชีวะไม่ห่างกันมาก เป็นเหตุที่น่าตกใจ ทั้งที่ตำรวจยังจับคนร้ายก่อเหตุแรกไม่ได้ สิ่งนี้เสี่ยงที่หัวโจกของโรงเรียนที่ถูกกระทำจะมีการเอาคืน โดยวางแผนที่จะไปเอาคืนโรงเรียนที่เขาคิดว่าเป็นคู่อริของเขา เสี่ยงเกิดเหตุ "ล้างแค้นกันไปมา"

...

ยุคนี้กลุ่มคนร้ายมักจะมีการทำเป็นขบวนการ โดยส่งให้กลุ่มที่มาดูลาดเลาหรือพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามก่อน และนำข้อมูลไปบอกผู้ก่อเหตุเพื่อวางแผนก่อเหตุ

“ประชาชนที่ไม่รู้เรื่อง เดินอยู่ริมถนนก็เสี่ยงที่จะโดนลูกหลงเหมือนอย่างครูเจี๊ยบ เพราะสองเหตุที่เกิดขึ้นเห็นชัดว่าคนร้ายไม่สนใจว่าจะเป็นกลางเมือง อยู่ในที่ชุมชน จึงอยากเตือนประชาชนทั่วไปหากเจอกลุ่มนักเรียนมารวมตัวกัน ควรอยู่ให้ห่าง เพราะอาจถูกลูกหลงได้ หรือถ้าเห็นคนที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์มาในลักษณะใส่เสื้อแขนยาว สวมหมวกกันน็อกปกปิดใบหน้า แล้วขับตามกลุ่มคนเหล่านี้ ควรสังเกตและระวังตัวเอง”

ตอนนี้อยากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเร่งสืบสวนนำคนผิดมาลงโทษ ขณะเดียวกันต้องมีการลงโทษที่รุนแรง ในกลุ่มที่มีการใช้อาวุธปืน และมีการตรวจค้นอย่างเข้มงวด เมื่อพบว่ามีนักเรียนมารวมกลุ่มในท้องที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย ไม่ให้มีผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อกลุ่มคนที่มีความเชื่อผิดๆ แบบนี้อีก.

...