คลิปวิดีโอเผยแพร่ผ่านติ๊กต่อก @milduramartialarts1 ได้บันทึกเหตุการณ์สุนัขของชายชาวออสเตรเลียรายหนึ่ง กำลังถูกจิงโจ้หุ่นล่ำบึ้กสูงกว่า 7 ฟุต ล็อกคอจับหัวกดน้ำ จึงพยายามตะโกนไล่ให้ปล่อยสุนัข แต่ไม่เป็นผล สุดท้ายจึงกระโดดลงน้ำ เข้าต่อสู้อย่างอุตลุดกับจิงโจ้ตัวนั้น จนสามารถช่วยชีวิตสุนัขเอาไว้ได้ ส่วนเจ้าจิงโจ้ก็น่าจะตกใจเดินถอยหลัง ได้แต่ยืนมองห่างๆ แบบงงๆ

คลิปวิดีโอนี้ได้เป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียล มีผู้คนแสดงความเห็นมากมาย บ้างก็ชื่นชมความกล้าหาญของชายคนนี้ที่ใช้ศิลปะต่อสู้กับจิงโจ้ จนช่วยเหลือสุนัขจนรอดชีวิตมาได้สร้างความดีใจให้กับหลายคน แต่บ้างก็สงสัยทำไมจิงโจ้ สัตว์หน้าตาน่ารักสัญลักษณ์ของออสเตรเลีย จึงดูน่ากลัวดุร้ายถึงขนาดจะทำร้ายสุนัขด้วยการจับหัวกดน้ำ และบ้างก็ทึ่งกับกล้ามเป็นมัดๆ ของเจ้าจิงโจ้ตัวนี้

จิงโจ้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกชนิดที่มีกระเป๋าหน้าท้อง เมื่อตัวเต็มวัยอาจหนักถึง 90 กิโลกรัม และสูงถึง 2 เมตร เป็นสัตว์คุ้มครองในออสเตรเลีย แต่สามารถล่าได้หากมีใบอนุญาต ทำให้ทุกๆ ปีมีจิงโจ้จะถูกล่ามากถึง 5 ล้านตัว นำเนื้อและหนังไปใช้ประโยชน์เพื่อการพาณิชย์ ขณะเดียวกันประชากรจิงโจ้ได้ขยายพันธุ์เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันกว่า 60 ล้านตัว กำลังเป็นปัญหาในออสเตรเลีย เข้ามาทำลายพืชผลของมนุษย์เพราะอาหารน้อยลง และเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทางรถยนต์

...

จิงโจ้หนุ่ม นิสัยก้าวร้าว ใครอย่ามายุ่งอาณาเขต

ฟันและเล็บที่แหลมคมของจิงโจ้ รวมถึงขาที่แข็งแรงสามารถยืนตัวตรงสองขา อาจเป็นอันตรายกับมนุษย์ได้ หากจิงโจ้ถูกยั่วยุ โดยเฉพาะจิงโจ้เพศผู้หวงตัวเมียจะมีความดุร้าย ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2565 มีหญิงวัย 67 ปี ในรัฐควีนส์แลนด์ ถูกจิงโจ้ทำร้ายจนขาหักและมีบาดแผลหลายแห่ง และเด็กหญิง 3 ขวบ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ถูกจิงโจ้ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะ ซึ่งเหตุการณ์ในคลิปวิดีโอล่าสุดถือว่าชายที่เข้าช่วยเหลือสุนัข โชคดีเป็นอย่างมากไม่เป็นอันตรายใดๆ

พฤติกรรมตามธรรมชาติของจิงโจ้ “ศาสตราจารย์ น.สพ.ดร.สถาพร จิตตปาลพงศ์” คณบดีคณะเทคนิคการสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่าแม้ไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจิงโจ้ แต่โดยทั่วไปแล้วจิงโจ้ตัวผู้ที่อาศัยในป่า จะมีความดุร้ายโดยธรรมชาติ และช่วงวัยหนุ่มค่อนข้างก้าวร้าว ใครเข้ามายุ่งในอาณาเขตพื้นที่จะถูกทำร้าย ส่วนจิงโจ้ตัวเมียจะดุในช่วงมีลูก แตกต่างกับจิงโจ้ที่ถูกเลี้ยงในสวนสัตว์จะมีความเชื่องมากกว่า

จิงโจ้ขาใหญ่แข็งแรงกว่าสัตว์อื่น หากินด้วยการกระโดด 

ขณะที่ ”ดร.โดม ประทุมทอง” นักธรรมชาติวิทยาด้านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ระบุว่า จิงโจ้เป็นสัตว์มีหน้าท้อง มีหลายสปีชีส์มากๆ ในออสเตรเลีย และธรรมชาติของจิงโจ้ค่อนข้างแข็งแรง จากพฤติกรรมการออกแบบร่างกายในการหากินด้วยการกระโดด ทำให้โครงสร้างส่วนขามีขนาดใหญ่กว่าสัตว์ชนิดอื่น มีรูปแบบวิวัฒนาการเหมือนกับยีราฟที่มีคอยาว

ส่วนจิงโจ้ล็อกคอสุนัขในคลิปวิดีโอ เข้าใจว่าเป็นเพศผู้ เพราะมีร่างกายบึกบึน และพฤติกรรมจิงโจ้โดยปกติไม่ใช่สัตว์นักล่า เป็นสัตว์กินพืช ทำให้ไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวแต่อย่างใด เว้นแต่การต่อสู้กับเพศผู้ด้วยกัน หรือมีการบุกรุกอาณาเขตของมัน โดยเฉพาะฤดูผสมพันธุ์สันนิษฐานว่าจิงโจ้เพศผู้น่าจะมีความก้าวร้าว เพราะหวงตัวเมีย เมื่อเทียบกับจิงโจ้ในสวนสัตว์ของไทย ส่วนใหญ่เป็นจิงโจ้แดงนิสัยไม่ดุร้าย และกินหญ้าเป็นอาหารหลัก

ประชากรจิงโจ้ ล้นออสเตรเลีย เพราะไม่มีสัตว์ผู้ล่า

จากข้อมูลสถานะภาพจิงโจ้ในออสเตรเลีย มีการกระจายตัวไปทั่วออสเตรเลียจนประชากรจิงโจ้ล้น เนื่องจากไม่มีสัตว์ผู้ล่าตามระบบนิเวศ อย่างเสือไล่ล่ากระทิงและวัวแดง จนเกิดความสมดุล เมื่อประชากรจิงโจ้มีจำนวนมากเกิน ทำให้หากินลำบาก ต้องทำอย่างไรก็ได้ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตามในการควบคุม เพราะประชากรจิงโจ้ที่มีมากจนล้นในออสเตรเลีย มีโอกาสเผชิญหน้ากับมนุษย์ และมีโอกาสกระทบกระทั่งกับมนุษย์

...

“เหมือนประชากรช้างในไทยเริ่มเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่มีผู้ล่า ทำให้อนาคตจะกระทบกระทั่งกับมนุษย์ มีการออกหากินในพื้นที่ชุมชนของมนุษย์ จากเดิมช้างอยู่ในป่า พอตอนหลังมีการอนุรักษ์ ทำให้หลายพื้นที่มีประชากรสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ เช่น ช้าง และกระทิง และพื้นที่นั้นๆ ไม่มีสัตว์ผู้ล่า จึงขาดสมดุล ไม่ต่างกับจิงโจ้ในออสเตรเลีย ภายหลังสัตว์ผู้ล่าที่เคยล่าจิงโจ้ถูกมนุษย์ทำลายจนสูญพันธุ์ ทำให้ประชากรจิงโจ้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และสัตว์พวกนี้หวงอาณาเขตพื้นที่ เมื่อมนุษย์เข้าไปก็จะถูกทำร้ายอย่างที่เคยเป็นข่าว”.

 

 เครดิตภาพ : TikTok @milduramartialarts1